คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย

Cr. รวิศ หาญอุตสาหะ

คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย

- เหมาะกับมนุษย์เดินดินที่มีความฝัน แต่ชอบคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม
- คู่มือพลิกมุมมองและใช้ความคิดสร้างสรรค์
  สำหรับคนที่อยากมองให้เห็นโอกาสและกล้าทำในเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้

หนังสือเล่มนี้ให้หลักฐานบุคคลตัวเป็น ๆ ทั่วโลกในหลายยุคสมัย
ที่สังคมมองพวกเขาว่า "ด้อยกว่า" คนธรรมดาทั่วไป
แต่แล้วพวกเขากลับมีความคิดฝันที่ใหญ่ ลงมือทำจริงจนประสบความสำเร็จ
เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นนักธุรกิจ เป็นผู้มีความมั่งคั่งอยู่ในแวดวงต่าง ๆ ของโลก

อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจ เฮ้ยยย...จริงๆ
ขอแค่ให้ชัดเจนว่า ชีวิตนี้เราต้องการอะไร
แล้วลงมือทำวันละนิด วันละนิด ด้วยความรัก แต่ยังคงชัดเจนในเป้าหมาย
แล้ววันนึงเราจะไปถึงดวงจันทร์...

ไปดูตัวอย่างกันดีกว่า 👌

Malala Yousafzai 

เด็กสาวปากีสถาน ผู้รณรงค์เพื่อสิทธิด้านการศึกษาเด็กและสตรี
เธอรอดชีวิตจากกระสุนที่วิ่งทะลุผ่านเข้ากะโหลกโดยมือปืนกลุ่มตาลีบัน
เธอได้ขึ้นปราศรัยที่ UN ต่อหน้าคณะตัวแทนกว่า 500 คนจากทั่วโลก
มีใจความตอนนึงที่กินใจว่า...

"เธอไม่ได้ยืนหยัดเพื่อต่อต้านใคร/กลุ่มก่อการร้ายใด ๆ เลย
แต่เธอยืนหยัดอยู่เพื่อทวงถามสิทธิอันชอบธรรมในการศึกษา
ให้กับเด็กทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ลูกหลานของกลุ่มตาลีบัน"

รู้สึกมั้ย... หัวใจที่ยิ่งใหญ่ในร่างเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ


Jamie Oliver

เด็กน้อยที่เอสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ผู้มีความบกพร่องในการอ่าน(โรคดิสเล็กเซีย)
แต่สนุกกับการทำอาหารและทำสิ่งนี้อย่างหลงใหล จนกลายเป็นเชฟที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
(นิตยสาร Forbes มีทรัพย์สินเกินหนึ่งหมื่นล้านบาท) เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารมากกว่า 50 แห่ง
เจ้าของตำราอาหารที่ขายดีติดอันดับกว่า 20 เล่ม แต่เพราะโรคดิสเล็กเซีย ทำให้เขาเพิ่งอ่าน
หนังสือเล่มแรกจบเมื่ออายุ 38 นี่เอง หนังสือเล่มนั้นคือ นิยายเรื่อง Hunger Games:Catching Fire
เขาบอกว่า...

"ปัญหาไม่ได้มาจากอุปสรรค แต่ปัญหาเกิดมาจากข้ออ้างในการดำเนินชีวิตมากกว่า
เพราะทุกคนเจอเหมือนกันหมด"


Michael Phelps

เด็กผู้ชายที่แมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา ผู้เป็นโรคสมาธิสั้น พูดไม่หยุด เคลื่อนไหวตลอดเวลา
จนครูประจำชั้นเอือมระอา แม่ของเขาจึงพยายามหากิจกรรมให้ลูกได้ปลดปล่อยพลังงานออกมา
จนพบว่าการว่ายน้ำทำให้เขารู้สึกสงบและมีความสุข เขาอยู่ในสระปีละ 365 วัน
จนติดทีมชาติและเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเจ้าของเหรียญโอลิมปิก 22 เหรียญ (18 เหรียญทอง)
เป็นเจ้าของสถิติโลกถึง 39 รายการ
เขาบอกว่า...

"ถ้าคุณต้องการเป็นที่หนึ่ง คุณต้องทำสิ่งที่คนอื่นไม่ยอมทำ"
นั่นคือเหตุผลที่เขาซ้อมว่ายน้ำทุกวัน ทั้ง ๆ ที่นักว่ายน้ำคนอื่นจะหยุดซ้อมในวันอาทิตย์
ทำให้เขามีเวลาซ้อมมากกว่าคนอื่นถึงปีละ 52 วัน


Leonardo Del Vecchio

เด็กชายวัย 7 ขวบที่โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
ผู้ยากจนแต่มีวิสัยทัศน์ดีเยี่ยม มองเห็นตลาดของแว่นตา จึงผลิตแว่นตาคุณภาพสูง
จนเปิดบริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์แว่นตาชั้นนำอย่าง
Ray-Ban, Oakley, Vogue รับจ้างผลิตให้กับ Armani, DKNY, Chanel, Versace, Ralph Lauren,
Tiffany, Ferragamo เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของอิตาลี มีสินทรัพย์กว่า 6 แสนล้านบาท
จากบ้านเด็กกำพร้าวันนั้น...เขาเดินทางมาไกลจริง ๆ


Ralph Lauren

เด็กหนุ่มในมหานครนิวยอร์ก ที่ต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันเพราะครอบครัวมีปัญหาเรื่องเงิน
แต่เขาเป็นคนมีรสนิยมดี ไปทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อเก็บประสบการณ์ เก็บเงินจนเปิดบริษัท
ผลิตเน็กไทที่ออกแบบเอง ขยายกิจการมาสู่ เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าผู้หญิง
เขาเป็นคนออกแบบเสื้อยืดคอปกแขนสั้นและปักรูปม้าอยู่ที่หน้าอกซ้าย (ที่เรารู้จักกัน "เสื้อโปโล")
มีคนถามเขาว่าเคล็ดลับความสำเร็จคืออะไร เขายิ้มแล้วตอบว่า
"ผมไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้า แต่ออกแบบความฝัน"


Walt Disney

เด็กหนุ่มในแคนซัสซิตี้ที่ถูกเจ้านายไล่ออกจากงานด้วยว่า ไม่เคยมีไอเดียดี ๆ เลย
จึงตั้งบริษัททำธุรกิจการ์ตูนเล็ก ๆ กับน้องชาย สุดท้ายเจ๊ง...
ลุกขึ้นสู้ รวบรวมเงินกลับมาใหม่ ทำธุรกิจเดิมจนดังอยู่ในเมืองแคนซัสซิตี้
พอจะขยายไปต่างเมือง ก็ล้มละลายจนถึงกับต้องพึ่งอาหารสุนัขประทังชีวิต
จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ฮอลลีวูด เป็นนักวาดการ์ตูน รวมเงินได้ใหม่
เรียกน้องชายมาร่วมกันเปิดบริษัทอีกครั้ง เหมือนจะไปได้สวย
แต่แล้วก็เสียตัวการ์ตูน และลูกน้องถูกซื้อตัวไป เขาจึงสร้างตัวการ์ตูนใหม่
ที่ใส่บุคลิกและเสียงของตัวเองลงไปในสัตว์เลี้ยงที่เป็นหนู (เขานึกถึงสมัยที่อยู่แคนซัสซิตี้)
มันคือ "Mickey Mouse" ตัวการ์ตูนที่โด่งดังไปทั่วโลก
เมื่อมีคนถามว่าเขาผ่านอุปสรรคมาได้อย่างไร เขาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า...

"เมื่อเราเจอเรื่องเลวร้าย บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเราก็ได้
แค่ตอนนั้นเรายังไม่รู้เท่านั้นเอง"

ธุรกิจ airbnb.com

มาจากชายอายุ 27 ปี สองคนในเมืองซานฟรานซิสโกที่ไม่มีตังค์จ่ายค่าเช่าห้องพัก
จนเกิดไอเดียแบ่งห้องนั่งเล่นที่มีเตียงเป่าลม(air beds) 3 เตียง ให้คนอื่นเช่า
พร้อมทำอาหารเช้าให้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
ในวันนั้นพวกเขาจึงจดทะเบียนเว็บไซต์ www.airbedandbreakfast.com
เขียนโมเดลธุรกิจ หาเงินลงทุนขยายกิจการ ปรับปรุงเว็บไซต์
พวกเขาเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจจากการให้ลูกค้าจ่ายเงินกับผู้เช่าโดยตรง
เป็นการบริหารการจ่ายเงินทั้งหมดและเก็บค่าคอมมิสชั่น 15%
(จากเจ้าของบ้าน 3% และผู้เช่า 12%) และเนื่องจากชื่อเว็บไซต์ยาวไปหน่อย
พวกเขาจึงย่อเหลือแค่ airbnb.com


ยังมีตัวอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจต่าง ๆ อีกมากมายในหนังสือเล่มนี้
และผู้เขียนให้ "วิธีรักษาพลังใจ" ให้อยู่นานและเกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละวัน
ลองหามาอ่านและทำดูค่ะ เชื่อว่าชีวิตจะดีงาม...

สิ่งที่น่าสนใจอีกคือ ผู้เขียนแนะนำ "การเตรียมตัวไปดวงจันทร์" และ "ทางลัดไปดวงจันทร์"
ไว้ให้ด้วย พร้อมยกตัวอย่างประสบการณ์จริง ๆ จากผู้เขียนเองหรือบุคคลอื่น ๆ
เล่าได้อย่างน่าติดตาม มีข้อความให้เราได้ฉุกคิดเป็นช่วง ๆ ด้วย เช่น

"ถ้ารอพร้อม 100% ชาตินี้ไม่ต้องทำอะไร"

"โมเดลธุรกิจมีมากมาย แต่น้อยคนที่จะกล้า จะลงมือทำ จริง ๆ จัง ๆ"

"ตลาดมีอยู่เสมอ สำหรับผู้ที่มองเห็น"

"พวกคุณขบขันในความต่างของผม
  ผมขบขันในความเหมือนของพวกคุณ" Jonathan Davis

"ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ต้องเลิกสนใจคนอื่น
  และมั่นใจในตนเองซะบ้าง" Mark Twain

สุดท้าย

"ความกลัวไม่ได้มีอยู่จริง มันเป็นผลิตผลของความคิดที่คุณสร้างขึ้นมา
  อย่าเข้าใจผมผิดไป อันตรายน่ะมีอยู่จริง 
  แต่ความกลัวเป็นเพียงตัวเลือกเท่านั้น" Will Smith




เพราะตรงสี ถึงมีหมื่นล้าน

Cr. คุณแพ้ท ภาววิทย์ กลิ่นประทุม และ ดร. ต้อง พงษ์รพี บูรณสมภพ
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าถึง "ศาสตร์เรื่องของสี" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการค้นหาตัวเอง
และเลือกสิ่งที่รักให้เจอ เมื่อเจอตัวเองแล้วย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

การแบ่งคนของ Birkman















การแบ่งคนของ Birkman

เป็นเครื่องมือที่องค์กรชั้นนำของโลก ใช้ค้นหาคนเพื่อวางให้เหมาะกับสีและตรงกับงานที่เขาจะทำได้ดี
และมีความสุข เพราะงาน คือ การอธิบายตัวตน ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นบังคับให้ทำ
แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือ การที่เราจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรารัก

การแบ่งคนของ Rich Dad, Poor Dad
โรเบิร์ต คิโยซากิ ตาม Cash flow 


1. ลูกจ้าง (Employee)
คนที่ "ขายเวลาแลกเงิน" รวยยากเพราะเวลามีจำกัด ถ้าไม่เคยวางแผนหยุดทำงานแล้วมีเงิน
มักซวยตอนเกษียณ ลูกจ้างที่เข้าใจความจริงเรื่องของงานในชีวิตจริง มักจะผันตัวไปเป็น นักลงทุน

2. คนที่ทำงานอิสระ (Self-Employed)
พวกหา/รับงานเอง Freelance, Part-time มักจะพูดว่าทำงานเป็นมืออาชีพ "ขายผลงานแลกเงิน"
แต่จริง ๆ แล้วก็ขายเวลาแลกเงินเหมือนกัน แถมยังหยุดทำงานไม่ได้ เพราะเงินจะหายไปด้วย
อาจจะซวยได้ แต่คนกลุ่มนี้จะปรับตัวกับโลกของงานได้ดีกว่าลูกจ้าง
คนที่เข้าใจความจริงเรื่องของงานในชีวิตจริง จะหาลูกมือและพัฒนาให้ทำงานแทนตัวเอง
แล้วผันตัวเองไปเป็น เจ้าของธุรกิจ

3. เจ้าของธุรกิจ (Business Owner)
คนที่ "สร้างธุรกิจมาทำงานแทนตัวเอง" ในไทยส่วนใหญ่เป็น self - employed เพราะใช้ตัวเองทำงาน
แต่ business owner คือ พัฒนาคนอื่นให้มาทำงานแทน แปลว่าเขาต้อง "เก่งคน" ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้

4. นักลงทุน (Investor)
คนที่ "เอาเงินตัวเองมาวางให้ทำงาน" จนสุดท้ายเงินนี้สามารถทำงานเลี้ยงเราได้
นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ที่เป็นเทรดเดอร์ คือ เล่นหุ้นเร็ว ซื้อมาขายไป ไม่ใช่นักลงทุน แต่เป็นนักเก็งกำไร
(ก็ยังใช้เวลาตัวเองมาทำงานแลกเงิน แค่เปลี่ยนจากทำงานที่ office มาที่ตลาดหุ้นแทน)
นักลงทุน คือ คนที่เอาเงินไปวางให้ทำงานแล้วไม่ต้องยุ่งกับมัน เช่น ออมในหุ้น คือซื้อหุ้นดีในเวลาที่
ราคาถูก (ช่วงวิกฤติ) จากนั้นถือไม่ขายเลยชั่วชีวิต ก็จะรวยจากเงินปันผลที่บริษัทจ่ายให้ทุกปี
เมื่อบริษัทโตขึ้นเงินปันผลก็จะมากขึ้น

ถ้างั้นหากเราพัฒนาตัวเองให้เป็น "เจ้าของธุรกิจ" กับ "นักลงทุน" ก็จบจริงมั้ย
แต่...มันไม่ง่าย และไม่ใช่จะเหมาะกับทุกคน

หลักของ Birkman

แบ่งคนเป็น 4 สี คือ เขียว เหลือง แดง น้ำเงิน

คนสีเขียว

ลักษณะ
คนที่เน้น "ความสัมพันธ์" เป็นศูนย์กลางของเพื่อน นักขาย นักสร้างแรงบันดาลใจ
มีเสน่ห์ พูดเก่ง แต่งตัวดี ขายเก่งเพราะขายตัวเองให้คนอื่นชอบยังทำได้เลย

เจ้านายสีเขียว
ชอบสอนและรับฟังลูกน้องตลอดเวลา เลือกทำงานที่ชอบต้องอิน ต้องมัน เป็นคนยืดหยุ่น
ชอบลูกน้องขาลุย พูดแล้วทำทันทีไม่คิดเยอะ ชอบโปรเจ็กต์ที่เห็นผลไว ๆ ชอบคนขายของเก่ง

เงิน
เงินคือสิ่งที่ทำให้ตัวเขาและเพื่อนรู้สึกดี Money = Attraction ใช้เงินเพื่อสร้างเสน่ห์
ซื้อของดูดีแพงจ่ายไม่อั้น สปอร์ตชอบเลี้ยงเพื่อน เพราะมองว่ามัดใจคน
หาเงินเก่ง และก็ใช้โคตรเก่ง

ลูกค้าสีเขียว
ซื้อของเพราะคนขาย จะซื้ออะไรต้องชอบคนขายก่อน ไม่สนราคา
คุณจะขายของคนสีเขียว คุณจะต้องตีสนิทกับเขา รู้ว่าเขาชอบอะไรจะซื้ออะไร
เอาแฟชั่นและเทรนด์ล่าสุดมาให้ พร้อมคุยเรื่องที่เขาชอบ

งาน
นักพูด นักขาย นักการตลาด เรียนรู้จากการมีเวที ได้แสดงความคิดเห็น และฟังความคิดเห็น

แฟน
มนุษย์สังคมสุด ๆ แต่ลึก ๆ เป็นคนชอบมีโลกส่วนตัวและหวงเวลาของตัวเอง
ใจน้อย คิดเล็กคิดน้อย
มักเลือกแฟนเป็นคนสีตรงข้าม คือคนสีเหลือง(ซึ่งใช้เหตุผลนำความรู้สึก)
ทำให้น้อยใจตายเลย อีกคนต้องการความรู้สึก อีกคนพูดแต่เหตุผล

จุดอ่อน
ฟังคนอื่นน้อยเกินไป

พลังของคนสีเขียว
คือ Social energy ชอบงานที่ได้หน้า หว่านเสน่ห์ งานขาย คุยกับคน
ทำงานเป็นทีมได้แต่ตัวเองต้องเท่นะ เป็นคนนำเทรนด์

ตัวอย่างคนสีเขียว
การ์ตูน คือ Super hero ทั้งหลาย
วู้ดดี้, โน้ส อุดม, บอย วิสูตร, Oprah Winfrey, Barack Obama


คนสีเหลือง

ลักษณะ
คนที่เน้น "ความเป็นระเบียบ" นักจัดการ คำว่า "เป๊ะ" ยังน้อยเกินไปสำหรับคนกลุ่มนี้
เวลาคุยจะลงรายละเอียด ลงถึงวิธีปฏิบัติ (บางครั้งยังไม่คุยภาพใหญ่ให้รู้เรื่องเลย)

เจ้านายสีเหลือง
ทำงานกับเขาข้อมูลต้องแน่น มีขั้นตอน ระบบแบบละเอียด ดูสิ่งที่ลูกน้องเตรียมมามากกว่าสิ่งที่เขาพูด
ชอบลูกน้องที่ทำตามแผน ห้ามออกนอกแผน เขาจะมองว่าคุณไม่มีวินัย ไม่เก่ง

เงิน
เงินคือภาระ Money = Manage เห็นเงินวางเฉยไม่ได้ ต้องจัดสรรแบ่งเป็นส่วน ๆ วางแผนแบบเป๊ะ ๆ
ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะจัดสรรเงินเก่ง แต่ก็ปิดโอกาสตัวเองในส่วนของโอกาสการหาเงินด้วย

ลูกค้าสีเหลือง
ตัดสินใจซื้อของจากข้อมูลที่ครบถ้วน น่าเชื่อถือ มีแหล่งข้อมูลชัดเจน
คุณจะขายของคนสีเหลือง คุณต้องเตรียมข้อมูลมาแน่น ใส่ใจรายละเอียด โชว์ให้เห็นว่าเป็นมืออาชีพ
เก่งจริง(ยิ่งถ้าจบมหาลัยดัง/มีใบประกาศ)เขาจะยิ่งชอบคุณ อย่าเน้นขายเพราะเขาตัดสินใจซื้อจากข้อมูล

งาน
นักจัดการมืออาชีพ เรียนรู้จากการนั่งโต๊ะ (วางแผน)

แฟน 
มนุษย์เป๊ะ มีระเบียบ คิดวางแผนและต้องเป็นไปตามแผน
ใช้เหตุผลกับความสัมพันธ์ ไม่ใช้ความรู้สึก/ความเห็นใจคุย
มักเลือกแฟนเป็นคนสีตรงข้าม คือคนสีเขียว (ไม่มีระเบียบวินัย) เลยมักจะหงุดหงิดแฟน

จุดอ่อน
เคร่งเกิน

พลังของคนสีเหลือง
คือ Will energy ชอบงานที่มีหลักการ มีจุดยืน ใช้เหตุผล
มีความละเอียดรอบคอบ ทำงานซ้ำ ๆ ได้ไม่เบื่อ

ตัวอย่างคนสีเหลือง
การ์ตูน คือ โคนัน
ตูน บอดี้แสลม, แอ๊ด คาราบาว, อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี
Jack Ma, Tadashi Yanai (เจ้าของ Uniqlo)


คนสีแดง

ลักษณะ
คนที่เน้น "การลงมือทำ" ตัดสินใจรวดเร็ว ชอบเรียนรู้จากการปฏิบัติ
คุยตรงประเด็น อย่าอ้อม อย่ามั่ว เพราะเวลาของเขามีค่ามาก

เจ้านายสีแดง
คิดและทำเองเร็วมาก จะล้วงลูกคุณทุกอย่าง ถ้าเขาทำแทนคุณได้เขาจะทำ
ชอบลูกน้องที่ชัดเจน ตรงประเด็น ทำอะไรให้เร็ว อยากเห็นผลงานทันที (ข้อมูลไม่สำคัญ)
ลุยเลย ผิดเป็นครู อนุญาตให้ผิดได้ครั้งเดียว ถ้าครั้งที่สองเขาจะมองว่าคุณไม่ใส่ใจ ไม่เรียนรู้

เงิน
เงินคืออำนาจต่อรอง Money = Power ขี้งก เหนียวมาก ก่อนจ่ายคิดเยอะว่าต้องคุ้ม
เพราะเงินที่ลดลงคืออำนาจต่อรองในชีวิตที่ลดลง แค่มีเงินได้เห็นตัวเลขในบัญชีก็มีความสุขแล้ว
บางครั้งเชื่อคนง่ายโดนหลอกให้เสียเงิน เพราะอยากรวยจนลืมความรอบคอบ

ลูกค้าสีแดง
ถ้าจะซื้อของเขาซื้อเลย อย่ารอวันรุ่งขึ้นไม่ซื้อแน่ จะขายของคนสีแดงต้องบอกให้ชัดว่า
ข้อดีข้อเสียคืออะไร อย่าโม้เขาจะมองว่าคุณไม่จริงใจ บอกโปรโมชั่นวันนี้จะแถมอะไรให้ไปเลย
เพราะคนสีแดงถ้าต้องการคือต้องการทันที

งาน
นักลงมือทำ สร้างสินค้า/บริการ ผู้ประกอบกิจการ

แฟน
ไม่คิดมาก พูดอะไรตรง ๆ ไม่แคร์ความรู้สึกคนฟัง บางครั้งพูดไปไม่คิดอะไร เน้นที่การกระทำ
มักเลือกแฟนเป็นคนสีตรงข้าม คือคนสีน้ำเงิน เพราะคิดว่าเขายอม แต่จริง ๆ แล้ว สีน้ำเงินคือดื้อเงียบ

จุดอ่อน
กดดันเพราะใจร้อนเกิน

พลังของคนสีแดง
คือ Physical energy ชอบงานที่ลงมือทำจริง คิดเร็วทำเร็ว ชอบสิ่งใหม่เห็นผลไว

ตัวอย่างคนสีแดง
การ์ตูน คือ Dragon ball (แนวล้างผลาญ สาระอย่าไปคิด)
ตัน อิชิตัน, ต๊อบ เถ้าแก่น้อย, Steve Job, Donald J. Trump

คนสีน้ำเงิน

ลักษณะ
คนที่เน้น "การคิด" ไอเดียบรรเจิด แต่ไม่มีรายละเอียดการปฏิบัติเลย
ชอบคุยภาพใหญ่ มักจะพูดว่า ลองคิดตามดูนะ

เจ้านายสีน้ำเงิน
ต้องคุยภาพใหญ่ให้ชัด ทำแล้วสุดท้ายเป็นยังไง ชอบไอเดียแปลกใหม่ ล้ำ ๆ
ชอบลูกน้องที่มีไอเดียใหม่ ๆ มานำเสนอ บอกตอนจบว่าได้อะไร อย่าพึ่งลงรายละเอียด

เงิน
ไม่แคร์เงินแต่มองว่าเงินเอาไปเปลี่ยนเป็น "คุณค่า" อะไรได้บ้าง Money = Value
มักเป็นนักสะสม ซื้อของใหญ่ ๆ ราคาสูง ๆ น้อยชิ้นแต่แพง

ลูกค้าสีน้ำเงิน
เป็นคนรู้จริง รู้กว้าง คุยภาพใหญ่ ถ้าคุณจะขายของเขา ต้องนำเสนอให้เขาคิดตาม อย่าลงรายละเอียด
เช่น ขายรถไม่ใช่แค่เข้าใจรถ แต่ต้องเข้าใจอุตสาหกรรมรถ รถในอนาคตเป็นยังไง

งาน
นักคิด นักการทูต เรียนรู้จากการคิดให้ตกผลึกก่อน แล้วค่อยทำ (ชอบอ่าน)

แฟน
มนุษย์ลึก คิดเยอะเกิน เก็บตัวไม่เข้าสังคม ชอบมีเวลาส่วนตัว โกรธง่ายหายไว
เวลาทะเลาะกันจะยกเรื่องครั้งก่อน ๆ มารวมด้วย

จุดอ่อน
สันโดษเกิน

พลังของคนสีน้ำเงิน
คือ Mental energy ชอบทำงานแบบใช้ความคิด ทำงานจากสมอง
ลงมือทำน้อยเพราะสนุกกับความคิด

ตัวอย่างคนสีน้ำเงิน
การ์ตูน คือ  อิคคิวซัง (เดี๋ยวขอนั่งใช้สมองก่อน)
ท่านว. วชิรเมธี, กรณ์ จาติกวณิช, JK Rowling,


ตัวอย่าง ตรงสี ถึงมีหมื่นล้าน

Starbucks ตัวแทนคนสีเขียว
ขายสังคม (Community) ใช้ความสัมพันธ์นำ ให้คนที่เบื่อการทำงานในออฟฟิตได้ใช้ร้าน
เปลี่ยนบรรยากาศเป็นที่ประชุม/ทำงาน พนักงานทำความรู้จักลูกค้า
ตั้งราคาที่แพงตามจุดยืน เน้นภาพลักษณ์ ความชิล หรู ๆ กำไร

Uniqlo ตัวแทนคนสีเหลือง
ขายเสื้อผ้าแนวตัวเอง ไม่ตามแฟชั่นแต่ไม่เชย รักษาจุดยืนไม่ตามกระแสใส่สบาย ๆ
จัดวางสินค้าเน้นความเป็นระเบียบ พิถีพิถัน ลูกค้าจะรู้สึกว่าสินค้ามีคุณภาพตั้งแต่วัสดุใส่ใจรายละเอียด
มีทุกสี ทำแบบเลือกได้ มีสต็อกสินค้า

ZARA ตัวแทนคนสีแดง
ขายแบรด์เสื้อผ้าระดับโลก เน้นความเร็ว ลูกค้าจะเจอเสื้อผ้าใหม่ ๆ จากเทรนด์ทั่วทุกมุมโลก
ราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด ขยายธุรกิจต่อเนื่อง สร้างคู่แข่งมาสู้กับตัวเอง
แต่งร้านให้ลูกค้าเจอสิ่งที่ถูกใจโดยเร็ว ทำโปรโมชั่นตาค้าง ลดราคาจริง เพื่อขายให้หมดสต็อก
จะได้รีบออกสินค้าใหม่

IKEA ตัวแทนคนสีน้ำเงิน
ขายไอเดีย สร้างจินตนาการให้ลูกค้า
ออกแบบร้านให้ลูกค้าอยู่ในร้านนาน เดินตามทางเลือกสินค้าทั้งหมด ก่อนเข้าสู่โกดังไปหยิบสินค้าเอง
ให้ลูกค้าประกอบสินค้าเอง มีสินค้าแปลก ๆ เต็มร้านไปหมด
สื่อสาร Branding เชิงสร้างสรรค์ ลูกค้ามักจะลืมว่ามาซื้ออะไร เมื่อจ่ายเงินได้ของกลับบ้านมากมาย


หนังสือเล่มนี้ยังเข้มข้นไปด้วยเนื้อหาอีกมากมาย เช่น Startup ของคนแต่ละสี
การสร้าง Talent Matrix (ความมั่นคงที่มาจากตัวเราจริง ๆ)
คิดตามสีสู่คนต่าง Gen (Baby boomer, Gen X , Y, Z)
ลองซื้อหนังสือ "เพราะตรงสี ถึงมีหมื่นล้าน" มาอ่านดูค่ะ

บางคนอาจมีจุดเด่นของแต่ละสีซ่อนอยู่ บางคนอาจเป็นได้ทั้งสองสี หรือสีหนึ่งค่อนไปอีกสีหนึ่ง
มีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ คือ Birkman test
เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wealthbyflow.com
มีแบบทดสอบเบื้องต้นให้ลองทำดู ฟรีค่ะ
ไปลองมาแล้ว...

ผลลัพธ์ตามด้านล่างนี้

คนสีเหลือง = คนสีน้ำเงิน 


















ผลวิเคราะห์เบื้องต้น หากผลรวมมากกว่า 75% ถือว่ามีค่าสีนั้น ๆ ในตัวสูง