12 บทเรียนชีวิต ข้าราชการพลเรือน 7 ปี

หลังจากเรียนจบป.ตรี ฉันทำงานในภาคเอกชนมาก่อนหลายปี จากนั้นจึงสอบและได้บรรจุเป็นข้าราชการพลเรือน ตั้งแต่ 26 กันยายน 2555 จนวันนี้ 27 กันยายน 2562 ครบ 7 ปีแล้ว...(เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ)

ด้วยประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ด้วยความผิดพลาดมากมายที่ได้เรียนรู้ในภายหลัง
ทำให้เข้าใจว่า คนเรามีทัศนคติในการทำงานและใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ตามลักษณะอาชีพ วัย สถานการณ์ที่เราเจอ มันจะค่อย ๆ หล่อหลอมให้เรา เป็นเราอย่างทุกวันนี้ ค่อย ๆ เปลี่ยนตัวตน ค่อย ๆ  เรียนรู้ เข้าใจ บางข้อผิดพลาดเราเรียนรู้แล้วไม่พลาดซ้ำ บางเรื่องก็ยังคงก้าวข้ามไม่ได้ อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเรื่องปกติ ยังมีเวลาเสมอสำหรับการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ในการใช้ชีวิต

วางแผนแต่ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์


12 เรื่อง ที่ฉันได้รับ ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้

1. "อุ่นใจ" ข้าราชการไม่สบายกายแค่ไหน ยังไง ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐฟรี เป็นสวัสดิการเบอร์หนึ่งของอาชีพนี้เลย มีบ้างที่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็หลักสิบหลักร้อย นาน ๆ ครั้งเท่านั้น

2. "ฝึกความอดทน" การที่เราต้องไปหาหมอรพ.รัฐเท่านั้น เพื่อใช้สิทธิที่มี ทำให้ต้องรอคิวตรวจนานมากจนรู้สึกเคยชินทำให้เราใจเย็นขึ้น และงานส่วนใหญ่ก็มีกรอบ/ระเบียบจากเบื้องบนสั่งมาแล้ว ทำตาม อย่างเดียว อย่าคิดเยอะ พลิกแพลงมากไม่ได้ ยกเว้นขั้นตอนงานที่เกี่ยวกับเราจริง ๆ เท่านั้น

3. "ลดอัตตา" อยู่ในองค์กรใหญ่โครงสร้างบริหารมีลำดับหลายชั้นมาก เราเป็นเพียงฟันเฟืองเล็ก ๆ ส่วนเสี้ยวเดียวเท่านั้น จะพลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ตามใจชอบนั้น ทำได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นงานนั้นอยู่ในขอบเขตเราเพียงคนเดียว/เพื่อนร่วมงาน เจ้านายในหน่วยงานเล็ก ๆ ของเราเห็นด้วย

4. "ระมัดระวัง ไม่ชัวร์ ไม่ฟันธง" การทำงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ระเบียบซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับประชาชน  ต้องรอบคอบเรื่องคำพูดและการกระทำ เพราะคำตอบสำหรับคำถามเรื่องกฎหมายที่เราตอบเขาไปนั้น บางครั้งมันสามารถตีความได้หลากหลาย หากเราไม่เข้าใจเจตนารมณ์กฎหมายนั้นจริงแล้ว  ไม่ควรตอบคำถามเอง เพราะจะมีความรับผิดชอบผูกติดมาด้วยหากเกิดความผิดพลาด ดังนั้นเมื่อไม่มั่นใจควรส่งต่อให้กลุ่มงานที่เขาออกกฎหมายมาตอบโดยตรงจะดีกว่า

5. "Work Life Balance" มีเวลาทำเรื่องส่วนตัวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ วันลาพักผ่อน โดยไม่ต้องกังวล/เครียดเรื่องงาน โดยส่วนใหญ่แล้วงานมักจะจบในเวลางาน หากคาบเกี่ยวต่อเนื่องให้รู้สึกต้องกังวลอยู่บ้างก็มีไม่บ่อยครั้งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากเรารับผิดชอบบริหารงานในหน้าที่ได้ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็พักได้อย่างสบายใจ มีเวลาออกกำลังกายเต็มที่หลังเลิกงานด้วย

6. "ฝึกการอดออม" เพราะเงินเดือนตอนเริ่มงานน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย ต้องบริหารจัดการเรื่องกินใช้ให้สมกับรายได้ ทำให้เราเป็นคนกินง่าย อยู่ง่ายมากขึ้น อาหารจานเดียว ทำกับข้าวมากินที่ทำงาน สรรหาของกินใช้ที่ถูกและดี เลี่ยงการสร้างหนี้สินเกินตัว

7. "ฝึกใจให้นิ่ง สื่อสารกับคนหลากหลายให้ได้" ด้วยงานที่ต้องติดต่อกับคนหลากหลายอาชีพ การศึกษา ฐานะ ต่างหน่วยงาน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราพูดคือสิ่งเดียวกันแต่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจเราได้ตรงกันตามที่เราพูด ดังนั้นเราต้องปรับใจ ปรับคำพูด รับฟังคนที่คุยด้วยว่าเขาต้องการอะไร ใช้ภาษาระดับเดียวกับเขาจะช่วยให้เขาเข้าใจและยอมให้ความร่วมมือด้วย

ฝึกเห็นความคิดความรู้สึกตัวเองให้ทัน เดี๋ยวมันก็มา เดี๋ยวมันก็ไป


8. "รู้จักปล่อยวาง" เมื่อเริ่มบรรจุทำงานเรามักเริ่มในตำแหน่งงานเล็ก ๆ ก่อน ดังนั้นหน้าที่และอำนาจตามตำแหน่งจะไม่เอื้อให้เราสามารถตัดสินใจหรือรับผิดชอบงานใดได้มากนัก เราจึงมักจะเจอสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้เสมอ เกินขีดความสามารถของเราบ้าง จึงทำได้แค่เพียงยอมรับและทำความเข้าใจ/ทำใจ และทำงานในขอบเขตรับผิดชอบของเราต่อไปให้ดีที่สุดก็พอ

9. "รู้จักวางตัวในจุดที่เหมาะสม" ข้าราชการมีการโยกย้ายบ่อยครั้ง เพื่อการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้นเราจึงเลือกเจ้านาย และเพื่อนร่วมงานที่ถูกใจเราทั้งหมดไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือ รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร รับผิดชอบมันให้ดี หน้าที่ของคนอื่นถ้าไม่เกี่ยวข้องกับเราเลยก็ไม่ต้องไปยุ่งปล่อยเป็นเรื่องของเขา ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ในบางสถานการณ์งานที่ถูกต้องกับถูกใจอาจสวนทางกัน เราต้องคิดให้รอบคอบว่าจุดยืนและความรับผิดชอบเราคืออะไร ผลกระทบต่อเจ้านายและเพื่อนร่วมงานคืออะไร ชั่งน้ำหนักให้ดี ทั้งนี้ต้องรู้จักวิธีป้องกันตัวเองด้วย

10. "เรียนรู้คน ไม่คาดหวังใคร" รู้หน้าไม่รู้ใจ รู้คำพูดการกระทำที่เขาแสดงต่อหน้า แต่ไม่รู้ตอนลับหลัง ดังนั้นเราทำได้เพียงให้เกียรติตัวเอง ให้เกียรติคนอื่นตามมารยาทที่ควรทำ ทำดีกับคนอื่่นตามระดับความดีที่เรามี แต่ไม่คาดหวังว่าเขาจะดีกับเราหรือไม่ การรู้จักสังเกตพฤติกรรมคนในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ ประกอบกับใช้เวลาให้นานพอ จะช่วยให้เราเห็นภาพอะไรชัดเจนมากยิ่งขึ้น

11. "ปล่อยผ่านเรื่องเล็ก ใจจะเบา"
ในสังคมคนทำงาน เป็นเรื่องปกติที่เราจะเจอคนซุบซิบนินทา เข้าใจผิด อิจฉา กลั่นแกล้ง เปรียบเทียบ เอาเปรียบ ไปบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่ควรเสียเวลาและให้ค่ากับคนและเรื่องเหล่านี้ เอาเวลาไปมีความสุข สร้างสรรสิ่งดี ๆ ในชีวิตตัวเองดีกว่า เพราะทุกสถานการณ์ที่เราเลือกทำหรือไม่ทำอะไร จะมีคนคอยตีความทุกการกระทำของเราอยู่แล้ว เขามีสิทธิที่จะคิดเห็นในมุมมองของเขา เราเองก็มีสิทธิคิดและทำในมุมมองของเราเช่นกัน สิ่งสำคัญคือเราต้องมั่นใจว่า เรารู้จักตัวเองดีพอ รู้สิทธิและหน้าที่ของตัวเองว่าคืออะไร ทำถูกต้องและสร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือไม่

12. "มองทุกปัญหาให้เป็นโอกาส" เขาจ้างเรามาแก้ปัญหา หน้าที่คือ ไม่บ่น/บ่นให้น้อยที่สุด มองให้เห็นโอกาสและหาทางแก้ไขปัญหาให้เจอ เราจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ผ่านปัญหาไปได้ อย่าบ่น/ด่าใครพร่ำเพรื่อ เพราะลึก ๆ แล้ว ไม่มีใครอยากฟังคำบ่นคำด่า คำเหล่านี้เหมือนก๊าซพิษมันจะทำให้เราหาทางออกไม่เจอวนติดอยู่กับปัญหา ขอให้ใช้พลังงานและเวลาไปลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาจะดีกว่า

เมื่อเวลาผ่านไป บทเรียนใหม่จะเพิ่มเข้ามา บทเรียนเก่าก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป...

เมื่อโลกภายในของเราเปลี่ยน โลกภายนอกที่เราเห็นจะเปลี่ยนตาม




สร้างตัวเองในแบบที่คุณอยากเป็น

เราเชื่ออะไร ? เราจะทำตัวแบบนั้น
เราทำตัวแบบไหน ? เราก็เป็นคนแบบนั้น

มันเริ่มที่ "ความเชื่อ"
เมื่อเราเชื่อใน "คุณค่า" ไหน เราจะแสดง "ศักยภาพ" นั้นออกมาทางความคิด คำพูดและการกระทำ

คุณค่าอาจจะวัดและเข้าใจได้ยาก
หากเปลี่ยนเป็นคำว่า "ลักษณะนิสัย หรือพฤติกรรม" ใด ๆ ที่เราทำเป็นประจำ
นั่นคือสิ่งที่จะบอกเราว่า เราให้คุณค่าในเรื่องใด

นิสัย คือ สิ่งที่เรามักจะใช้รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งภาวะปกติและวิกฤติ
ทั้งเรื่องสำคัญและไม่สำคัญ

นิสัยหรือคุณค่า มีอะไรบ้าง เราลองเลือกมา 10 อันดับแรก ที่คิดว่าสำคัญที่สุด

มีความยืดหยุ่น                 มีคุณธรรม           มีความซื่อสัตย์
มีความคิดสร้างสรรค์        มีความมุ่งมั่น       มีความเป็นมิตร
ตลก                                 สุขุม                    มองโลกในแง่ดี
ตัดสินใจเด็ดขาด             เข้าสังคมเก่ง       รักครอบครัว
ขยัน                                 มีชีวิตชีวา            มีวุฒิภาวะ
ร่าเริงเบิกบาน                  พึ่งพาได้              เป็นผู้ให้
ทันสมัย                            ไว้ใจได้               เป็นที่รัก
ทำงานหนัก                     ช่างเจรจา            แก้ไขปัญหาได้
แสวงหาความรู้                เอาใจใส่ดูแล      เป็นที่ชื่นชอบ

สร้างตัวเอง เราควบคุมได้เอง100% 


สำหรับฉัน 10 นิสัย ที่ให้คุณค่ามากที่สุด เรียงตามลำดับคือ
1. มองโลกในแง่ดี
2. มีความซื่อสัตย์
3. มีความมุ่งมั่น
4. รักครอบครัว
5. มีชีวิตชีวา
6. แสวงหาความรู้
7. ขยัน
8. สุขุม
9. มีความคิดสร้างสรรค์
10. ตลก

เราสามารถนำหรือสร้างนิสัย 10 อย่างที่เลือกแล้ว ไปใช้กับสิ่งสำคัญของชีวิตทั้ง 8 ด้านได้

1. ด้านกายภาพ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตยืนยาว อยู่ได้อย่างมีคุณภาพ

2. ด้านอารมณ์
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา

3. ด้านจิตวิญญาณ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง สอดคล้องกับศาสนา

4. ด้านครอบครัว
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันทำความเข้าใจคนในครอบครัว ช่วยให้ความฝันของเขาเป็นจริง

5. ด้านวัตถุ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันอยู่ได้ด้วยทรัพย์สินที่ฉันหาได้เอง สร้างความมั่นคงทางการเงินสำหรับครอบครัว

6. ด้านการเรียนรู้
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันแสวงหาความรู้ตลอดชีวิต

7. ด้านการเป็นผู้นำ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันมีลักษณะของผู้นำ 3 อย่าง คือ
พูดความจริง ทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลงาน

8. ด้านความสัมพันธ์อื่น ๆ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..........................ทำให้ฉันมีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น และคงอยู่ตลอดชีวิต

สำหรับฉัน
1. ด้านกายภาพ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..มีชีวิตชีวา และตลก..ทำให้ฉันมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตยืนยาว อยู่ได้อย่างมีคุณภาพ
2. ด้านอารมณ์
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย...มองโลกในแง่ดี และมีความคิดสร้างสรรค์...ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา
3. ด้านจิตวิญญาณ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย..สุขุม และมีความซื่อสัตย์..ทำให้ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง สอดคล้องกับศาสนา
4. ด้านครอบครัว
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย...รักครอบครัว...ทำให้ฉันทำความเข้าใจคนในครอบครัว ช่วยให้ความฝันของเขาเป็นจริง
5. ด้านวัตถุ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย....มีความมุ่งมั่น.และขยัน..ทำให้ฉันอยู่ได้ด้วยทรัพย์สินที่ฉันหาได้เอง สร้างความมั่นคงทางการเงินสำหรับครอบครัว
6. ด้านการเรียนรู้
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย....แสวงหาความรู้....ทำให้ฉันแสวงหาความรู้ตลอดชีวิต
7. ด้านการเป็นผู้นำ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย....มีความซื่อสัตย์ และสุขุม...ทำให้ฉันมีลักษณะของผู้นำ 3 อย่าง คือ
พูดความจริง ทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลงาน
8. ด้านความสัมพันธ์อื่น ๆ
ฉันจะสร้าง/ใช้นิสัย....มีชีวิตชีวา มองโลกในแง่ดี และตลก..ทำให้ฉันมีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น และคงอยู่ตลอดชีวิต

เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร?  หาคำตอบได้จาก 3 คำถามนี้

1. คุณมีชีวิตอยู่เพื่อ "อะไร" ?

2. คุณอยู่บนโลกใบนี้เพื่อ "เป็นใคร และทำอะไร" ?

3. "อะไร" ทำให้ชีวิตคุณมีความหมาย ?

Focus on what you want.


สำหรับฉัน
ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อ "ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น"
ฉันเป็น "คนยิ่งใหญ่ นำตัวเองให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง สร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อผู้อื่น"

แล้วคุณล่ะ มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร ?



Today is a present.





Today...
When I wake up, I smile. "I'm breathing so it's a present."
I get up, have a shower and get dress. "I can do by myself so it's a present."
I leave the house, drive my car to the office. "I have a good meal for breakfast so it's a present."
I get to the office on time, start my work and have good communication with my colleagues so it's a present.
I can decide and set priority for my work, have a short break for tea time before lunch. It's a present.
I have lunch at the office with my team. We share stories in or out of work together. It's a present.
I have time to read books, watch YouTube, play Facebook after lunch. I have a short break in the afternoon. It's a present.



I finish my work on time and get a new dress to work out at the stadium in front of my office.          It's a present.
I walk slowly and fast. I take a long breath and have mindfulness. It's a present.
I get to the house, read books, watch YouTube, pray before going to bed.
I call my family and they are fine. Thank you. It's a present.

I live in only today. Today is a present.