ออกแบบความคิด พิชิตฝัน (visualize your life)

Cr. จอม เอกพนิฏฐ์
หนังสือเล่มนี้ ผู้แต่งให้แนวทางการลงมือทำเพื่อพิชิตฝัน(อันสูงส่ง) ให้สำเร็จเป็นจริงได้
โดยอธิบายวิธีการอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ผู้เขียนยกตัวอย่างด้วยประสบการณ์ตรงของตนเอง
เห็นภาพชัด เข้าใจง่าย ความสำเร็จของผู้เขียนเกิดจากการตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำ
อย่างมีวินัยและต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อ ความมุ่งมั่น ความขยัน และความอดทนอย่างมาก
ของผู้เขียน นอกจากนี้มีความพิเศษตรงที่มี "หนังสือเกม" เล็ก ๆ ติดไว้ท้ายเล่มมาให้ด้วย
เพื่อให้เราลองทำ ใช้ความคิดวิเคราะห์ตัวเองออกมาผ่าน 13 หัวข้อย่อย
ผลลัพธ์ที่ได้คือ "ลายแทงเดินตามหาฝัน"

visualize your life














ค้นหา รู้จักตัวเอง

ทำให้เราเข้าใจจุดที่เรายืนในวันนี้ สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่เป็นความสามารถของเรา
ผ่าน 6 ตัวช่วย ได้แก่

1. แรงขับ (drive)
ปัญหา เงื่อนไขในชีวิต เช่น ความยากจน ความลำบาก ซึ่งเป็นพลังงานลบเราสามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังงานบวกเพื่อใช้เป็นแรงขับให้กับเราได้

2. ความเชื่อ (belief)
ยกตัวอย่างของผู้เขียน เช่น เชื่อในการเลือกเดินในทางที่เดินได้อย่างภาคภูมิใจ
เชื่อในการไม่ตัดสิน และเชื่อในความดีการเป็นคนดี

3. กิจกรรม (activities)
มองภาพสะท้อนตัวเองจากความชอบในสิ่งที่ทำ เราจะรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น
ลองนึกถึง "ความคิด" หรือ "กิจกรรม" ผ่าน 6 มุมมอง ได้แก่
- สิ่งที่ "ชอบ" Like
  เช่น ชอบสร้าง วาดรูป เล่นดนตรี ต่อของ
- สิ่งที่ "ง่าย" Easy
  เราทำได้ ไม่ว่าจะชอบ/ไม่ชอบ เราอาจได้ใช้มันในอนาคต เช่น อดนอนได้หลายวัน สื่อสารอังกฤษได้
- สิ่งที่ "แอบอยากทำ" Wish
- สิ่งที่ "ไม่ชอบ" Hate
  เราจะรู้ได้เลยว่าจะเลี่ยงมันได้มั้ย หรือต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะมันอาจมีโอกาสดี ๆ ซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้
- สิ่งที่ "ยาก" Hard
  จุดอ่อนสำหรับเรา เอาไว้พัฒนาในอนาคต
- สิ่งที่ "กลัว" Fear
  ยิ่งกลัวยิ่งต้องใส่ใจ เพราะมันอยู่ในใจเราแอบบงการชีวิตเราโดยเราไม่ทันรู้ตัว
 
4. ความกลัว (Fear)
เราต้องรู้ ใช้มันผลักดันเราไปข้างหน้าให้เราต้องทำอะไรสักอย่าง
เช่น กลัวทำหน้าที่เราได้ไม่ดี กลัวทำให้คนที่เรารักไม่มีความสุข กลัวจะผิดหวังในตัวเอง
เผชิญหน้ากับความกลัว ก่อนที่มันจะมาบงการเราทั้งชีวิต

5. จุดแข็ง (Strengths)
จุดแข็ง คือ พรสวรรค์/talents (ที่เราได้รับจากพ่อแม่ผ่านดีเอ็นเอ)
แล้วลงทุนเวลา ลงแรง ลงใจทุ่มเทฝึกฝน จนกลายเป็นจุดแข็งในที่สุด
ลองนึกดูในตัวเรามีอะไรบ้างใน 3 สิ่งนี้ พรสวรรค์(Talent) ความรู้(Knowledge) ทักษะ(Skill)
นำสามสิ่งนี้ผ่านกระบวนการฝึกฝน ลงแรงให้เติบโต กลายเป็นจุดแข็งของเราต่อไป

ถ้ายังไม่มีก็ยอมรับว่าไม่มี ถ้ามีก็รีบหาทางใช้ต่อให้เกิดประโยชน์งอกเงย
ดึงศักยภาพบางอย่างของเราออกมา ทำให้เป็นจุดแข็งให้ได้

"นิสัย" หรือ "บุคลิกภาพ" มี 32 แบบ ลองพิจารณาเลือกบุคลิก 5 แบบที่คิดว่าเป็นจุดแข็งของเรา
บุคลิกภาพด้านมีเหตุมีผล
ชอบค้นคว้า, ออกคำสั่ง, วิเคราะห์, รับผิดชอบ, เสมอภาค, ชอบเก็บข้อมูล ฟัง, ฟื้นฟูตัวเองเร็ว,
ความอดทนสูง, แผนสูง, มีระเบียบวินัย, กล้าตัดสินใจ, เชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ, ชอบจัดการ,
ปรับตัวเก่ง, ย้อนอดีต มองเหตุปัจจัย, พูด สื่อสาร
บุคลิกภาพด้านอารมณ์
ตื่นเต้นกับการเรียน, ชอบสร้างไอเดีย, นักฝัน, รอไม่ไหวแล้ว อยากลงมือทำ, แข่งขัน,
ยึดมั่นในความเชื่อ, โฟกัส, เข้าใจคนอื่น, คิดบวก, อยากโดดเด่น, นักตื๊อมือทอง,
มั่นใจในตนเอง, ชอบติดต่อกับคนอื่น, ปรองดอง, เห็นข้อดีคนอื่น, ดึงดูดคนเข้าหากัน

6. สิ่งที่หลงใหล ชื่นชอบจริง ๆ (Passion)
การมี passion มันทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดี เป็นเชื้อเพลิงชั้นเยี่ยมที่จะผลักเราไปข้างหน้า
เป็นกุญแจสำคัญในการก้าวไปค้นพบเป้าหมายที่เราอยากจะไปหา
passion หน้าตาเป็นยังไงนั้น เราต้องลองไปหามัน สังเกตสิ่งที่ชอบทำ สิ่งที่อยากทำ
ลองให้เวลากับมัน ศึกษา ถ้าเราหลงใหลชื่นชอบจริง ๆ อยากทำมันครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็น passion ของเราก็ได้

ตั้งเป้าหมาย (Goals)

การออกแบบชีวิต เราจะทำอะไรในก้าวต่อไปดี มีเพียง 3 สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ
สิ่งที่ "อยากทำ"  I would love to do
สิ่งที่ "ต้องทำ"    I have to do
สิ่งที่ "ทำได้"      I can do it
ลองเขียนเป็นวงกลม 3 วง และใส่กิจกรรม/สิ่งที่สอดคล้องกับ 3 กลุ่มนี้
สังเกตพื้นที่ซ้อนทับของ 3 วงนี้ดู เราจะเห็นว่าอะไรที่เราชอบ(อยากทำ) ตอบโจทย์สิ่งที่ต้องทำ
และเราก็ทำมันได้ด้วย นั่นแหละคือสิ่งที่น่าจะทำในก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ลงมือทำ วางแผน พร้อมลุย (Plan & Do)

เริ่มจาก set milestone กำหนดขั้นของความสำเร็จ (แบ่งความสำเร็จเป็นขั้นย่อย ๆ เรียงตามลำดับ)
ทำ action plan เพื่อติดตามรายละเอียดสิ่งที่ต้องทำ
จัดเวลา plan your time บริหารเวลา พิจารณาว่าในหนึ่งวัน เราทำสิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ชอบ
และสิ่งที่เป็นเป้าหมาย เป็นสัดส่วนยังไง ค่อย ๆ ปรับเพิ่มเวลาให้กับสิ่งที่เป็นเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น


ก้าวข้ามอุปสรรค (Knock the blocks out)

เราจะจัดการยังไงกับปัญหา/อุปสรรคที่เข้ามาขัดขวางเราระหว่างทางเดินไปสู่เป้าหมาย
มีวิธีคิด คือ อดทนไม่ล้มเลิกก่อน (สู้จนวันสุดท้าย)
มีพลังดันตัวเอง สร้างปาฏิหาริย์ด้วยสองมือของตัวเอง
ดันตัวเองอย่ารอเจ๊ (อย่าดันตัวเองจนกลายเป็นคนใจแคบ แต่ดันตัวเองและพามิตรใกล้ตัวไปด้วยกัน)
เริ่มก่อน เดินนำ ทำเลย
transformer แปลงพลังงานลบเป็นพลังงานบวกได้
กรองสิ่งที่จะรับ เลือกสิ่งที่จะตอบโต้
เริ่มก่อน ล้มก่อน รู้ก่อน เก่งก่อน

เราทุกคนมีสิทธิเลือก ที่จะเป็น "อะไร" ของชีวิตเราก็ได้
"ทาสความคิด" "นักออกแบบชีวิต" "ผู้กำกับชีวิต"

ตอนเด็ก เรามีพลังในการ "ฝัน"
พอโตเป็นผู้ใหญ่ เรามีพลังในการทำให้ "เกิดขึ้นจริง"
ถ้าเรารวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน เราจะสร้าง "สิ่งใหม่ ๆ" ที่เราไม่เคยทำมาก่อน
หรือโลกอาจยังไม่เคยมีมาก่อนก็ได้

เราทุกคนมีพลังที่จะสร้างสิ่งที่เราฝันให้เป็นจริง
แค่ต้อง "เชื่อ" และ "ทำมัน"
ฝันพร้อม ใจพร้อม กายพร้อม ลงมือทำ...


(ก่อน)...เวลาสุดท้าย

Cr. โปรเชน - สหรัฐ มานิตยกุล (เจ้าของเพจ Pro Chain Saharath)
หนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งเล่มที่เลอค่าทางจิตใจและความคิด
บอกเล่ามุมมองการใช้เวลาของคนเราไปกับ 3 ช่วงสำคัญ ๆ
คือ การเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต


ก่อน...เวลาสุดท้าย

















การเรียน

- การเข้าใจความรู้ใด ๆ ไม่สำคัญเท่า การเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
- เราจะรู้ว่าเราชอบ/ไม่ชอบอะไร ให้ลองทำ ถ้าทำมันได้ทั้งวันไม่เบื่อ แปลว่าสิ่งนั้นแหละที่ใช่
- เราควรเขียนอนาคตจากความสุข
- หัดตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตัวเองก่อน จะทำให้เราเข้าใจมันจริง ๆ
- เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า เราคือกูรูผู้รอบรู้ เมื่อนั้นคือวันที่เราหยุดพัฒนาตัวเอง


การทำงาน

- ผลลัพธ์จากการทำงาน ควรเป็น ความมั่นคงทางความคิด
- ถ้าเราไม่เริ่มมีเป้าหมายในชีวิต ก็ไม่มีวันได้ไปไหนเลย
- อย่ากลัวการเริ่มต้น อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แต่จงกลัวการไม่กล้าทำอะไรเลย
- ผู้เชี่ยวชาญ คือคนธรรมดาที่ผ่านการทำครั้งแรก(ที่ดูยาก) มาแล้วหลาย ๆ ครั้ง
- จงสร้าง "วินัย" และ "ความขยัน" ให้เป็นนิสัย เพราะมันเป็นลักษณะของคนที่ประสบความสำเร็จ
- อย่ายึดติดในมุมมองใหม่ที่เรากำลังเห็น เพราะมันคือ กะลาใบต่อไป
- ตอบโจทย์อย่างแตกต่าง คือ ตอบอย่างสร้างสรรค์ในแบบของเรา ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนโจทย์
- ความสำเร็จ...ไม่เคยสำเร็จรูป

การใช้ชีวิต

- อย่าใช้ชีวิตเพื่อรอคอยอิสระในวันหยุด จริง ๆ แล้วมีเวลาอิสระสอดแทรกอยู่ในทุก ๆ วัน
- เราได้มีชีวิตอยู่เพื่อคนสำคัญของเราหรือยัง หรือใช้เวลาหมดไปกับสิ่งอื่นที่สังคมบอกว่ามีค่า
  จนลืมสิ่งที่มีค่าจริง ๆ ในชีวิต


แม้ว่าเป้าหมายและเงื่อนไขชีวิตแต่ละคนต่างกัน
แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือ "เวลา" ที่สั้นนิดเดียวแค่ "วันนี้"
ดังนั้นควรตั้งคำถามและหาคำตอบกับตัวเองให้ได้ว่า
ในวันนี้เราใช้เวลาได้อย่างเห็นคุณค่าของมันแล้วหรือยัง ก่อนที่เวลาสุดท้ายจะมาถึงจริง ๆ...
 



ไปคนเดียว เที่ยวหลีเป๊ะ 1-3/03/2561

ครั้งแรก...เที่ยวคนเดียวแบบค้างคืน (3 วัน 2 คืน)
ครั้งแรก...พักห้องพักรวมหญิง (ห้องน้ำ/อาบน้ำรวมชายหญิง)

ทำการบ้านก่อนเที่ยว

หาข้อมูลรีวิวการเดินทาง,ที่พัก,เกาะหลีเป๊ะ หาดต่าง ๆ ของเกาะ, ทริปดำน้ำ (โซนใน/นอก)
ค่าใช้จ่าย สุดท้ายรีวิวการเที่ยวคนเดียวหลีเป๊ะ (มีผู้หญิงคนนึงเคยไปก็ปลอดภัยดี)

การเตรียมตัว

1. จองที่พัก
เพราะไปช่วง high season และเป็นวันหยุดยาว ที่พักแพงมาก เลยจองแบบ dormitory hotel 
เลือกห้องพักรวมหญิง ห้องแอร์เปิด 24 ชม. มีเตียง 2 ชั้น 4 ชุด มีล็อกเกอร์พร้อมกุญแจล็อค
ห้องน้ำ/อาบน้ำรวม หลังห้องมีราวตากผ้าให้ ห้ามกินอาหารในห้อง มีห้องรวมด้านล่างฟรี wifi, TV
ชากาแฟขนม ผลไม้ให้ทาน ราคา 495 บาท/คืน เทียบราคาแล้ว ไปคนเดียวแบบนี้แหละถูกและดีได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยของเรา ก็โทรเชคกับโรงแรมก่อน ถามว่าถ้าคืนแรกมีปัญหาไร นอนไม่ได้จริง ๆ มีห้องพักเดี่ยวไว้ให้มั้ย เขาบอกว่ามีว่างไว้ให้พักได้ทันที เพิ่มตังค์อีกประมาณนี้..เราก็สบายใจ มีแผนสองเผื่อไว้พร้อม)
2. ชุดดำน้ำ
(เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว) ดูรีวิวบอกว่าบางช่วงจะมีแตนทะเลเยอะ ทำให้เจ็บ ๆ คัน ๆ
3. กันแดดหน้าตัว หมวก แว่น ผ้าคลุม
4. ถุงกันน้ำ ไว้ใส่ของที่ไม่อยากให้เปียก
5. เงิน 
คำนวนคร่าว ๆ ขั้นต่ำสำหรับหลีเป๊ะ คือ 3 พันบาท เรือไปกลับเกาะหลีเป๊ะ 1 พัน 
ทริปดำน้ำ 500- 1000 (ขึ้นอยู่กับว่าเที่ยวโซนไหน ไปยังไง เรือหางยาว/สปีดโบ๊ท เหมาลำ/จอยทริป)
ที่พัก 2 คืน 1 พัน
กิน 1 พัน (แบบประหยัด เพราะที่เกาะทุกอย่างแพงมาก no seafood ไว้กินที่อื่่นถูกกว่า)
6. กล้องถ่ายรูป ใช้สมาร์ทโฟนธรรมดา ไม่เน้นภาพสวย/ใต้น้ำ

เดินทาง

ขับรถสงขลาไปท่าเรือปากบารา (ฝากรถ 100/คืน)
ซื้อตั๋วสปีดโบ๊ทท่าเรือปากบารา แวะเกาะไข่ เกาะหลีเป๊ะ (ไปกลับ 450 บาท x 2 = 900 บาท)
ขาไป 10.30 น. ขากลับ 13.30 น.
ค่าอุทยาน (60 บาท ไว้ใช้วันดำน้ำที่ขึ้นเกาะรอกลอย กับเกาะหินงาม มีเจ้าหน้าที่ตรวจ)

เกาะไข่

น้ำทะเลใสมากก...มีซุ้มหินใหญ่กับเล็กติดกัน ไว้ให้เดินลอดผ่าน
มี story ว่า ถ้าลอดจากใหญ่ไปเล็ก คือ คู่รักจะรักกันยาวนาน
จากเล็กไปใหญ่ คนโสดจะได้คู่ หรือคนมีคู่(เบื่อแล้ว)อยากโสด
for me don't care ก็ซุ้มเล็กมันเดินยาก เลยไปลอดซุ้มใหญ่ ขากลับก็ผ่านซุ้มใหญ่เหมือนเดิม555


ซุ้มหินใหญ่ เกาะไข่ หลีเป๊ะ














หาดหลังซุ้มหินเกาะไข่ หลีเป๊ะ














วิวมองจากเก๊าะไข่ น้ำใสๆ หลีเป๊ะ















เกาะหลีเป๊ะ

ถึงเกาะเที่ยงนิด ๆ เรือจะขับผ่านหาดซันไรส์ก่อน แล้วเข้าจอดที่หาดพัทยา(บันดาหยา)
เป็นหาดที่เรือพานักท่องเที่ยวจอดเข้า/ออกจากเกาะ
ดูรีวิวมาเขาว่ามี 3 หาด คือ ซันไรส์ ซันเซ็ท และพัทยา
โรงแรมที่จองไว้อยู่ถนนคนเดิน กะว่าจะเดินไปไม่นั่งรถ เพราะจัดกระเป๋ามาใบเล็กแล้วพร้อมมาก
เดินมั่ว ๆ ถามบ้าง ใช้เวลา 3 นาที ถึงที่พัก คือ โชคดีบังเอิญเดินลัดมาปุ๊บก็เจอโรงแรมเลย55

โรงแรม

เช็คอิน เขาขอค่ามัดจำกุญแจ 500 คืนเงินวันออก ดีนะเผื่อตังค์มาบ้าง ฮ่าๆๆ
ห้องพักชั้น 2 ในสุดก่อนถึงห้องน้ำรวม พนักงานพามาส่งถึงเตียง มีกุญแจห้องพัก กุญแจล็อคเกอร์
ได้เตียง 7 เตียงล่างในสุด ส่วนตัวดียังไม่มีคนพักเตียงบน พนักงานบอกมีปัญหาอะไรแจ้งได้นะคะ
เข้าห้องปุ๊บล็อคกุญแจก่อนเลย จัดของใส่ล็อคเกอร์สักพักพอเสร็จ มีฝรั่งนอนอยู่เตียงติดกัน เหมือนเพิ่งตื่น ลุกขึ้นมาคุยโทรศัพท์นางเดินไปนอกห้อง จะเปิดประตูอ้าวล็อค เหมือนว่าปกติเขาไม่ล็อคกัน เราก็อ่อ...น่าจะไม่ล็อคกัน เท่าที่สังเกตห้องรวมอื่น ๆ ก็ไม่ล็อค55 พักแป็บก็เตรียมของใส่เป้ กะว่าไปเดินเที่ยวผ่านถนนคนเดิน หาร้านกินข้าวเที่ยง แล้วมุ่งไปหาดซันเซ็ทรอดูพระอาทิตย์ตกเลย ค่อยกลับมานอนตอนค่ำทีเดียวเลย ยาวไป ๆ ก็ออกจากห้องไม่ล็อคเหมือนกัน...

ข้าวเที่ยง เดินผ่านถนนคนเดินไปเรื่อย ๆ หาร้านข้าวแกง/ตามสั่ง ที่ไม่ค่อยมีลูกค้า ได้ร้านนึงก็สั่ง
กะเพราหมูสับ มีตับหมูมั้ยใส่ด้วย แม่ค้าว่าหมดจ้าตับไก่เอามั้ย-ได้หมด ขอเผ็ด ๆ แห้ง ๆ นะคะ
ในร้านมีน้องผู้หญิงลูกเจ้าของร้าน ป้า ลูกจ้างหญิงอีกคน
ป้าถามมาคนเดียวหรอลูก มีที่พักยัง ป้ามีนะของญาติ ๆ กันนิ - มีแล้วค่า แถวถนนคนเดิน
เท่าไหร่ลูก ....เท่านี้ค่า ห้องแอร์ -อ่อ ของป้าห้องพัดลม เพิ่งทำห้องเสร็จ ไว้มาอีกมาพักของป้าได้นะ
อันนี้หนูจองผ่านเว็บค่ะ ป้าบอกญาติให้เอาขึ้นเว็บสิ จะได้มีลูกค้าเยอะ ๆ ...
ระหว่างรอก็ชวนคุยไปเรื่อย ป้าไปดำน้ำยัง ไปหาดทุกหาดยัง -ป้าไม่ได้ไปเลยเฝ้าร้านทุกวัน พรรคพวกชวนไปดำน้ำ ฟรีนิ แต่ไม่ได้ไปที เพิ่งกลับมาจากฝั่งไปเยี่ยมลูกชาย...

กะเพราหมูสับตับไก่ แตงกวามะนาวจัดเต็มมาก 80 บาท














เด็กเสิร์ฟถามเอาน้ำไรมั้ย มี....-ไม่เปนไร พี่มีน้ำเปล่าแล้วจ้า (มีน้ำขวดพกใส่เป้มามีน้ำเหลืออยู่)
กินเสร็จเก็บตังค์ น้องบอก 100 บาท ก็จ่ายไปไม่คิดไร อีกวันหลังดำน้ำเสร็จมากินร้านนี้อีกคราวนี้สั่งข้าวและน้ำเปล่าขวดนึงด้วย แต่พอคิดเงินน้องเขาบอกว่า 80 ค่ะ เราก็งง คือน้องเขาว่าเมื่อวานหนูคิดเงินผิด พี่ไม่ได้สั่งน้ำเนอะ 555

หลังจากถามว่าจะเล่นน้ำที่ไหนได้บ้าง ไปหาดซันเซ็ทยังไง ก็ออกจากร้านข้าวเดินไปหาดซันเซ็ท
ดูป้ายแผนที่ซึ่งเขามีไว้เป็นจุด ๆ ประกอบกับป้ายบอกทาง ถามร้านค้าไปบ้าง ใช้เวลา 10 นาที ถึงหาด
แต่เดินเลยทางลงหาดที่เป็นทางสาธารณะไป เลยลงทางรีสอร์ทแห่งนึงที่ไม่ได้ติดป้ายห้ามไว้ (บางที่จะติดป้ายห้ามคนนอกเดินผ่าน) ผ่านบังกะโลไม้ไปเรื่อย ๆ ตามทาง เจอป้าแม่บ้านทำความสะอาด ยิ้มให้ ถามว่าไม่ร้อนหรอ - ยิ้มตอบ อืมร้อนเนอะ พอเดินมาสุดทางจะลงหาด
O M G วิวดีงามมาก หายร้อนเลย นั่งพักบนโขดหินแป็บ...

ทางลงหาดรีสอร์ทแห่งนึง หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ












วิวขวาล่าง หาดซันเซ็ท













หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ













หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ













นั่งพักมองวิวชิล ๆ รับลมบนโขดหินให้หายเหนื่อยก็เดินลัดลงไปที่หาด
ถึงหาดนี้เวลาประมาณบ่ายสองครึ่ง เป็นชายหาดสั้น เงียบสงบสุดเมื่อเทียบกับอีก 2 หาดของเกาะ
มีแต่ฝรั่งจริง ๆ นั่ง นอนอาบแดด กินเบียร์ อ่านหนังสือ เราก็นั่งพักถ่ายรูปรอเวลา สั่งน้ำแตงโมปั่นมากิน
แก้วนึง 100 บาทจ้า แซวคนขายไปนี่ราคาคนไทยแล้วใช่มั้ยย...(จากการเทียบราคาแล้ว หาดนี้น่าจะแพงสุด เพราะฝรั่งเยอะ มีร้านเดียวสองร้านขายแบบผูกขาด) แต่ก็โอเคกินแล้วสดชื่นมาก...

หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ









ร้านขายน้ำ มีเสื่อหมอนไว้ให้ริมหาด แตงโมปั่นแก้วละ100 ก็จะสดชื่นมากหน่อย55
















ถ่ายรูปเล่น ระหว่างรอเวลา













หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ













หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ













น้ำทะเลหาดซันเซ็ทจะใสน้อยกว่าอีก 2 หาด เพราะมีเศษใบไม้เป็นขุย ๆ ยุ่ย ๆ ด้วย แต่ฝรั่งก็ลงเล่นน้ำเรื่อย ๆ นอนอาบแดดบ้าง ไม่สนว่าร้อนมั้ย ลงน้ำหรืออาบแดดส่วนใหญ่ก็ 2 pieces ยกเว้นเดินกลับก็ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นทับทูพีช หรือใช้แค่ผ้าคลุมทับ ดูง่าย ๆ สะดวกดี
นั่ง ๆ นอน ๆ ริมหาดสักพักเริ่มเบื่อ รอแดดลดสักนิดกะจะเดินเลียบริมหาดไปเรื่อย ๆ ให้สุด จะดูว่าไปถึงไหนกัน สี่โมงกว่าก็เริ่มเดินไป  ลัดเลาะโขดหินบ้าง มีโซนน้ำลงเห็นปะการังเล็กเต็มเลย ผ่านรีสอร์ทหลากหลาย หาดนี้เงียบจริง ๆ ส่วนตัวมาก เดินผ่านหาดมา 2 หาดยาวติด ๆ น่าจะสัก 600 เมตรได้ 
ก็เจออีกหาดนึง น้ำใสมากสีฟ้าอ่อน เขียวอ่อน หาดทรายขาวละเอียด มีช่วงน้ำตื้นเป็นเกาะทรายขาวอยู่ในทะเลด้วย มีคนเล่นน้ำเต็มไปหมด ตอนแรกงง ๆ ว่านี่หาดอะไร ปรากฎว่าเดินมาจนถึง หาดซันไรส์ แล้ว (บริเวณหาดอันดามัน) โห...นักท่องเที่ยวเต็มไปโหมด ทูพีชละลานตา เรานี่ปิดมิดชิดกางเกงขายาว เสื้อยืด ผ้าคลุม หมวก แว่น พร้อมมากกลัวแดด ไปซื้อน้ำเปล่าขวดเล็ก 20 บ้านข้างโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง นั่งดูบรรยากาศ เก็บรูป




อันดามัน หาดซันไรส์ หลีเป๊ะ

ไหน ๆ ก็มาถึงหาดนี้แบบไม่ตั้งใจและยังพอมีเวลา เดินยาวไปดูซันไรส์ดีกว่า มีไรบ้าง
เต็มไปด้วยรีสอร์ทแน่นมากติด ๆ กันเลย หลากหลายสไตล์ คนเยอะมาก 
แต่น้ำที่หน้าหาดในช่วงนี้เป็นช่วงน้ำลง ปะการังโผล่เต็ม มีป้ายปักไว้ห้ามลงเล่นน้ำหรือพายเรือ เขากลัวไปเหยียบปะการังเสียหาย มีโซนเล่นน้ำได้ที่หาดอันดามัน แถวโรงเรียนบ้านเกาะอาดังเท่านั้นสำหรับหาดซันไรส์ เดินไปสุดก็ย้อนกลับทางเดิม ไปหาดซันเซ็ท ระหว่างทางผ่านหาดอันดามัน ซันไรส์ ก็มีคนนั่งรอดูพระอาทิตย์ตกเยอะเหมือนกัน คือทุกคนนั่งริมหาดทราย โขดหิน ตั้งกล้องรอ ดูสงบ มุ่งความสนใจไปที่จุดเดียวกัน...

วิวพระอาทิตย์ตก หาดอันดามัน ซันไรส์ หลีเป๊ะ

วิวพระอาทิตย์ตก หาดซันเซ็ท หลีเป๊ะ
ขากลับก็เดินเหมือนเดิมจ้า แต่ก็มีรถมารอรับคนกลับถนนคนเดินอยู่ (คนเดินกลับก็เยอะเหมือนกัน)
แวะซื้อของกิน (มาม่า โจ๊กคัพ น้ำดื่ม) และถามทางคนขายก็ได้ทางกลับอีกทาง ลัดไปใจกลางถนนคนเดินเลย ใกล้กว่าขามา บรรยากาศถนนคนเดินค่ำ ๆ คึกคักกว่าตอนกลางวันมาก มีร้านอาหารทะเล ร้านนั่ง ดนตรีสดลูกค้าเต็มหลายร้าน เราก็มาเดินหาซื้อทริปดำน้ำพรุ่งนี้ ดู2-3ที่ ก็ได้ของบังรูน 1000 บาท เที่ยวทั้งโซนนอกโซนใน เรือสปีดโบ๊ทแบบจอยทริป 15 คน มีคนซื้อทัวร์ไปแล้วครึ่งนึงตอนลงชื่อ ดูผ่าน ๆ มีแต่จีนกะฝรั่ง นัดเจอที่ร้านขายตั๋วพรุ่งนี้ 9 โมง 15
จากนั้นก็แวะกลับที่พัก เข้าห้องโถงรวมก่อน มีคนนอนดูทีวี เราก็กินมาม่ากับขนมเป็นมือเย็น เล่นเน็ตสักพัก ขึ้นห้องอาบน้ำกะว่าจะนอนเร็วหน่อย เริ่มเพลียวันนี้เที่ยวไป 2 หาด เดินร่วม ๆ 5 กิโลได้มั้ง55 ต้องพักเอาแรงไว้ดำน้ำพรุ่งนี้อีกทั้งวัน

น่าจะหลับไปสัก 4 ทุ่มได้ ก่อนนอนไม่มีเพื่อนร่วมห้องอยู่เลย น่าจะนั่งดื่มแถวถนนคนเดิน (มโนไปเอง)
สักพักเที่ยงคืนสะดุ้งตื่นได้ยินเสียงซาวแทรคภาษาไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่อังกฤษ
คุยเม้ากันใหญ่ ไม่รู้เพราะเมาหรือมาเที่ยวกันเป็นแก๊งค์ 3-4 คน รู้จักกันหมดคงคิดว่าอยู่กันแค่พวกเขา
ในใจก็กลัวว่ามันจะมาเปิดผ้าม่านเตียงตรูมั้ยนิ สักพักเสียงเริ่มเงียบ ก็หลับต่อไม่มีไรเกิดขึ้น
เตียงกว้างเมตรนิด ๆ ไม่ชิน พลิกตัวไปเต๊ะฝาผนังดังปั๊ก ได้ยินเสียงฝรั่งเตียงข้าง ๆ ร้อง Ah.. คงตกใจ
เอาคืนมั่ง555

ตั้งปลุกไว้ 6 โมงกะว่าถ้าตื่นจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรส์ ตื่นไม่ไหวจ้า เพลียไว้อีกวันแล้วกัน
ยังพอมีเวลานอนต่อ ชิลตื่น 8 โมง อาบน้ำแต่งตัว ลงมาห้องด้านล่างกินโจ๊กคัพ เขามีชากาแฟขนม วันนี้มีกล้วยหอมไว้ให้ด้วย เดินไปถึงร้านบังรูนก็มีเพื่อนร่วมทริปมาแล้วบางส่วน ถึงเวลาไปขึ้นเรือ มีแต่จีนกับฝรั่ง เขาแวะไปรับคนไทยอีก 2 คนที่เกาะอาดัง เป็นคู่เพื่อนชายหญิง ผู้ชายขึ้นเรือมาก็ยิ้้ม friendly  Hello มาแต่ไกล จีนกับฝรั่งบนเรือ เงียบกริ๊บ!! เราก็เลยยิ้มให้นิด ๆ ที่มุมปาก 555 (แอบขำอยู่ในใจ) สรุปแล้วทั้งลำ ฝรั่ง 7 จีน 4 ไทย 4 มีคนขับกับผู้ช่วยชายไทยอีก 2 คน ทุกคนมีสไตล์ มาแบบเที่ยวคนเดียว 3 คน ชายฝรั่ง1 ไทยหญิง2(รวมเราด้วย) ครอบครัวฝรั่ง4 คู่รักฝรั่ง1 จีนคู่หญิงทอม1 คู่จีนเพื่อนชายหญิง1
ไทยคู่เพื่อนสาวเพื่อนชญิง1(นางทากันแดดหลังดำน้ำทุกเกาะ จนผู้ชายจีนที่มาด้วยนั่งเม้ากับเพื่อนเลยว่าต้องใช่แน่ ๆ บางครั้งไม่รู้ภาษาพูดก็เข้าใจได้ ภาษากายสายตาโคตรจะชัด555) 

เกาะหินซ้อน

คนขับวนเรือให้ถ่ายรูปเฉย ๆ แค่ 3 นาที

เกาะหินซ้อน หลีเป๊ะ

เกาะหินซ้อน หลีเป๊ะ

เกาะดง

ดำน้ำ 15-20 นาที ชูชีพให้ใส่ก่อนเรือออกอยู่แล้วเขาแจกสน็อคเกิลทุกคนแต่ทั้งเรือมีตีนกบแค่ 2 คู่ 
เลยอด เจอปลาการ์ตูน ปะการังเขากวาง ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ ปะการังอ่อนหลายสี ปลานีโม 
ปลาปักเป้า ปลานกแก้ว...ปะการังกับปลาอีกหลายสี ไม่รู้จักชื่อ
บริเวณดำน้ำจะมีเชือกลอยกั้นเขตไว้ ไม่ให้เรือเข้าไปกว้างประมาณ 30 เมตร ยาว 20 เมตร 
เราก็ดำไปเรื่อย ๆ ว่ายวนไปไกลเรือก่อน แล้วค่อยวนอีกด้านกลับมาที่เรือ ก็ดำไป โผล่ขึ้นมาเป็นช่วง ๆ
เพื่อดูว่าเราอยู่ห่างจากเรือแค่ไหน อยู่ตรงไหนแล้ว มีใครอยู่ใกล้ ๆ บ้าง 
การดำน้ำเงียบ ๆ คนเดียว มันก็มีความรู้สึกกลัวนิด ๆ ในช่วงแรกว่าจะเจออะไรที่เราไม่อยากเจอมั้ย...สัตว์มีพิษ/ผี... แต่ก็แว๊บเดียวแล้วมันก็เพลินไปกับความงามตรงหน้าของโลกใต้ทะเล ทำให้เรานิ่งมากขึ้นด้วย แค่หายใจทางปากกับสน็อคเกิล ตีขา มือก็ว่ายไปเรื่อย ๆ ความกล้าก็เข้ามาแทนที่ แค่โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่มโนไปเอง...

เกาะรอกลอย

เป็นเกาะมีน้ำรอบ ๆ ใสมาก มีจุดชมวิวเดินขึ้นไป 5 นาที มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจบัตรอุทยานก่อนขึ้นเกาะด้วย

ภาพจากจุดชมวิว เกาะรอกลอย หลีเป๊ะ
น้ำใส เกาะรอกลอย หลีเป๊ะ





















เกาะลิง/อ่าวลิง

มีลิงเยอะบนเกาะ ฝรั่งชอบไปดูลิง คนไทยให้ไกด์ว่ายน้ำลากไปดูปะการัง ก็เห็นนีโม สภาพใต้น้ำไม่ต่างจากเกาะดง

เกาะราไว/หาดทรายขาว

เหมือนเรือทุกลำจะมาพักกินข้าวเที่ยงที่นี่ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำหลายห้อง เขาแจกอาหารกล่อง
พร้อมผลไม้ ให้เวลาถ่ายรูปพักชั่วโมงนิด ๆ

สวยงาม เลอค่า หาดราไว หลีเป๊ะ






เกาะอาดัง อ่าว2

ลงดำมีปลาตัวใหญ่ ๆ กลุ่มปะการังกว้างหลายโซน เจอปลาฤาษีด้วย


เกาะยาง

แรงเริ่มหมด ไกด์ให้ฟองน้ำมีเชือกพาลากไปดูกุ้งมังกร Lobster เห็นแค่หนวดกับส่วนหัว หลบอยู่ในรู เขาบอกนางขี้อาย เจอปลาดาวมงกุฎด้วย ไกล์บอกนาน ๆ เห็นที


เกาะหินงาม

เป็นเกาะที่มีหินสีดำ ไกล์ขอถ่ายรูปรวมที่นี่ จากนั้นแวะไปดำน้ำหลังเกาะนี้ ปลากับปะการังใหญ่ ๆ หลายจุด สวยมากเช่นกัน

เกาะหินงาม หลีเป๊ะ



เกาะหินงาม หลีเป๊ะ
ร่องน้ำจาบัง

ช่วงที่ไปเป็นวันหลังขึ้น 15 ค่ำ พี่เขาบอกว่าน้ำขึ้นสูง น้ำแรงมีแตนทะเลเยอะ มันรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ
ตั้งแต่เกาะยางแล้ว ดีนะที่ใส่เสื้อแขนยาวกางกางขายาวมา แต่ก็มีเจ็บจี๊ดบ้างเหมือนกัน
ร่องน้ำจาบังเป็นไฮไลท์การดำน้ำที่หลีเป๊ะเลย  น้ำแรงมากต้องเกาะเชือกลอยไต่ไล่ ๆ กันไป ไม่งั้นโดนน้ำพัดออกไปไกลแน่ ๆ เจอกลุ่มปะการัง 7 สี สวยมากกกกกกกก..... 2-3 จุดใหญ่ ๆ 
แตนทะเลก็เยอะรู้สึกแสบหน้าเลย คนที่ใส่กางเกงขาสั้นมาจะดำนานไม่ได้ ทนไม่ไหว


ขากลับเรือมาจอดถึงหาดพัทยาประมาณ 4 โมงเย็น เห็นเลยว่าหาดนี้มีเชือกกั้นไว้ให้เล่นน้ำ 2 จุดใหญ่ ๆ
สีน้ำทะเลใสมาก ลงจากเรือเลยไปเล่นน้ำที่หาดต่อ เห็นมีฝรั่งครอบครัวพ่อแม่ลูก นอนบนเบาะลอยน้ำอาบแดดอยู่  เลยทำเนียนเอาเป้ รองเท้า ผ้าคลุมวางไว้ ใกล้ ๆ กับของ ๆ เค้า แล้วลงเล่นน้ำ ก็มองมาที่ของวางไว้เป็นช่วง ๆ ก็ไม่เห็นมีใครสนใจ มายุ่งของเราเลย ทุกคนมาเที่ยวเดินผ่านมาผ่านไป ไม่มีใครขโมยของเราหรอก...
สักพักมีเรือหางยาวมาจอดใกล้ ๆ คุ้นหน้าผู้ชายบนเรือมาก อ่อ...น็อตกับกวาง กมลชนก พาลูกสาวลูกชายมาเที่ยว น่าจะกลับจากทริปดำน้ำ ดูนางสวยมากหุ่นดี

สระน้ำส่วนตัวแบบธรรมชาติ หาดพัทยา หลีเป๊ะ
เชือกกั้นไว้ให้เล่นน้ำ หน้าหาดพัทยา หลีเป๊ะ
ว่ายน้ำไปมาสักแปบ มีน้องผู้หญิงใส่ทูพีชลงมาเล่นด้วย เพื่อนนางนั่งรอริมหาดบอกกลัวดำ ก็คุยกันเล็กน้อย นางบอกว่าเรียนโทอยู่จีน ช่วงนี้กลับบ้านเลยจัดทริปนี้ นางก็ชอบแบ็คเพ็คเที่ยวมาแล้วหลายที่เหมือนกัน เล่นน้ำไปสักครึ่งชั่วโมงก็ขึ้นหาดเดินกลับที่พัก ผ่านถนนคนเดินพอผ่านร้านบังรูน เจ้าหน้าที่ขายตั๋วจำเราได้ ถามว่าเป็นไงบ้างวันนี้ดำน้ำสนุกมั้ย - ก็ยิ้มให้ โอเคค่า  

กลับห้องอาบน้ำแต่งตัว นั่งเล่นที่ที่นอนตากแอร์เย็น ๆ ทาครีมไป สาวฝรั่งเตียงข้าง ๆ เปิดม่านออกมาเหมือนนางเพิ่งตื่น เลยทักทายคุยกัน ชื่อไมย่า สาวสวีเดน เรียนจบทำงานได้ปีเดียวเก็บตังค์มาเที่ยวเอเชีย 3 เดือน ไปอินโด มาเล แล้วมาไทย มีเวลาเหลืออีก 3 อาทิด ถามว่าจะไปไหนต่อ นางว่าไม่รู้ อาจเป็นภูเก็ตหรือที่ไหนสักที่ อืมหยุดงานยาวดีจริงๆ ถามนางไม่ไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์หรอ
นางบอกแพง...จ้า...งั้นถูก ๆ ก็ เว้วค่ำทูไทยแลนด์นะถูกแล้ว555 นางก็น่ารักชวนคุยไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง
(จากเสียงซาวด์แทรคน่ากลัวในคืนแรก กลายเป็นสาว friendly ในเย็นวันที่ 2 มันรู้สึกดีจริง ๆ...)

วันสุดท้ายที่เกาะ

ตั้งใจตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรส์ ไม่พลาดบรรยากาศดีจริง ๆ แฮปปี้มาก ขอบคุณตัวเองที่พาร่างมาเที่ยวพักผ่อนได้แบบนี้ 

หาดซันไรส์ หลีเป๊ะ

ความสุข ทะลุตา
หาดอันดามัน ซันไรส์

หาดอันดามัน ซันไรส์

หาดอันดามัน ซันไรส์

หาดอันดามัน ซันไรส์


ขามาเดินผ่านรีสอร์ท ขากลับเดินผ่านบ้านพักของชาวเกาะที่ส่วนใหญ่ทำประมง ออกเรือพาเที่ยว ทำงานร้านอาหาร อยู่กันแบบเรียบง่ายในพื้นที่เล็ก ๆ หลังรีสอร์ท 
ถึงที่พักพร้อมข้าวเหนียวไก่ทอด กลิ่นดีเกิ๊นไม่กล้าเอาไปกินห้องรวมมันเปิดแอร์ เกรงใจคนอื่นเขาเดี๋ยวจะหิวด้วย เลยมานั่งกินหน้าเคาเตอร์ มีน้องพนักงานว่างอยู่เลยมานั่งคุยด้วย เล่าว่าเจ้าของโรงแรมเริ่มต้นจากศูนย์ตั้งแต่เกาะนี้ไม่มีอะไรเลย เขามานอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกนี้ (ไม่ยอมตัด) จนขายของเก็บเงิน ตั้งตัวได้เปิดโรงแรมจนทุกวันนี้ เราก็ชมไปว่าห้องพักโอเค ราคาถูก สะอาดดี ฝรั่ง 95% จีน 3% แทบไม่เจอคนไทยเลย เห็นแต่คนทำความสะอาด (คนใต้ชาวเกาะ คอยกวาดพื้น ถูพื้น ทำความสะอาดห้องน้ำทุกชั่วโมงเลย สะอาดมาก ปรบมือรัว ๆ) น้องเขาว่าฝรั่งหนีทัวร์จีนรีสอร์ทหรูริมหาดมาพักที่นี่555
เม้ามอยสักพักก็กลับห้องเก็บของ ต้องเช็คเอาท์ก่อน 10.30 น. หลังจากนั้นเรานั่งพักที่ห้องรวมได้ถ้ายังไม่ถึงเวลาเรือขากลับ เช็คเอาท์เสร็จก็อยู่ห้องรวม เล่นเน็ต นอนพักแป๊บ กินมาม่าขนมเป็นมื้อเที่ยง ออกจากโรงแรมเที่ยงกว่า กะเวลาเรือมาบ่ายโมงครึ่ง ถึงหาดพัทยาบ่ายโมงรอขึ้นเรือหางยาวเพื่อไปที่โป๊ะกลางทะเล รอเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่มารับอีกที 


ออกจากเกาะด้วยเรือหางยาวของชาวประมง แบ่งรายได้ให้เจ้าของพื้นที่บ้าง

วิวจากโป๊ะกลางทะเล หาดพัทยา(บันดาหยา) เกาะหลีเป๊ะ

หาดพัทยา(บันดาหยา) เกาะหลีเป๊ะ

ความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเราไปเที่ยวคนเดียว

คิดไรก็ลองทำเลย ไม่ต้องรอถามใครว่าเห็นด้วยมั้ย

ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อคนอื่นรู้ว่า มาคนเดียวหรอ...
(คนรับฝากรถ, ร้านข้าว, พนักงานโรงแรม...)

ชิลอยู่กับตัวเอง เพิ่มความคิดสร้างสรรค์

รู้จักผิดพลาด หลงบ้าง มีความกล้าพร้อมเรียนรู้ไปเส้นทางใหม่ ๆ 

เปิดใจ พร้อมคุยกับเพื่อนร่วมห้องชาวต่างชาติ, คุยกับคนแปลกหน้าเยอะ
บางคนทำมาหากิน, บางคนมาเที่ยว จริง ๆ ก็มีคนใจดีอีกเยอะบนโลกใบนี้

รู้สึกอิสระ มีความสุขแบบลึกซึ้ง รู้สึกขอบคุณตัวเอง จิตใจสงบ สบาย 
ไปเที่ยวคนเดียว รู้สึกดี ชักจะชอบ ติดใจน่าไปอีก....