เปลี่ยนตัวเองจาก "คนที่ใช้จ่ายเดือนชนเดือน" เป็น "คนที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป"

มันเริ่มมาจากการอ่านหนังสือ ดู YouTube ฟัง Podcast เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน และความสำเร็จ
อันไหนที่คิดว่าดีก็ขีด ๆ เขียน ๆ เอาไว้ แล้วเอาไปลองลงมือทำ ถ้าอันไหนเราทำได้ดีก็จะทำต่อไปจนติดเป็นนิสัย (ทำทุก ๆ วัน ๆ ละนิด) อันไหนไม่เวิร์คก็หยุดทำ



สิ่งที่เราเสพ(ดู ฟัง) สิ่งที่เราลงมือทำในทุก ๆ วัน มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ไปเอง
หลัก ๆ คือเมื่อเราเริ่มลงทุนเวลา ศึกษาหาความรู้ ลงทุนสร้างประสบการณ์ให้ตัวเองด้วยการตัดสินใจแล้วลงมือทำ ผลลัพธ์ที่เราได้ คือ เราจะมีความรับผิดชอบ มีวินัยเรื่องการเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ มีสติในการใช้จ่าย พัฒนาตัวเองให้มีความสามารถและคุณค่าสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้นจนเป็นเหมือนกุญแจไปไขเปิดประตูรายได้บานอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มรายได้ใหม่ให้กับเรา มีการวางแผนการลงทุนต่อยอดเงินก้อน (เงินออมเล็ก ๆ น้อยๆ ที่กันเก็บไว้ในทุก ๆ เดือน) เลิกซื้อหวย เลิกซื้อล็อตเตอรี่ (จริง ๆ แล้วซื้อนาน ๆ ครั้ง ยอดไม่เกิน 200) เก็บเงินตามเป้าหมายที่วางไว้ไปเรื่อย ๆ ทำไปพร้อม ๆ กันได้ เรียงตามลำดับความสำคัญ เงินก้อนที่ต้องมีตามลำดับการใช้ ดังนี้

1. เงินสำรอง ไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน
เก็บให้ได้ 6  เท่าของค่าใช้จ่ายในปัจจุบันต่อ 1 เดือน
ควรเก็บเงินก้อนนี้ในที่ที่มีสภาพคล่อง เอาออกมาใช้ได้โดยไม่ใช้เวลานานหรือยุ่งยากมาก
ของเราเก็บในกองทุนรวมตลาดเงินกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำ (ขายวันนี้ พรุ่งนี้เงินเข้าบัญชี)

2. เงินไว้ใช้ตอนเกษียณ
อันนี้ต้องคิดก่อนว่าจะเลิกทำงานประจำที่อายุเท่าไหร่ มีชีวิตอยู่หลังจากนั้นอีกกี่ปีและใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ (คิดถึงเงินเฟ้อด้วย) เราคิดและคำนวณแล้ว ได้ยอดเงินก้อนนี้ที่ประมาณ 4.6 ล้าน
การสร้างเงินก้อนนี้เราใช้วิธีหักเงินเดือนเข้ากองทุนกบข.(ของข้าราชการ) เต็มที่ 15 % ของเงินเดือนทุกเดือน และรัฐสมทบให้อีก 3% รวมมีเงินเก็บเพื่อใช้ลงทุนก้อนนี้ไม่ต่ำกว่า 18% ของเงินเดือนทุกเดือน เก็บยาวไปอีก 20 ปี เลือกแผนลงทุนแบบสมดุลตามอายุ คือให้ผู้จัดการกองทุนเอาเงินเราไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงหน่อยระยะแรก ๆ เพราะอายุยังน้อย มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แล้วค่อยลดสัดส่วนความเสี่ยงลงตามอายุที่มากขึ้น เพื่อรักษาเงินก้อนใหญ่ไว้ตอนใกล้เกษียณ ช่วง 2 เดือนแรกที่ปรับหักเต็มแมกซ์ 15% มันก็จะไม่ชิน แต่หลัง ๆ เราก็จะปรับตัวเรื่องกิน ใช้ เที่ยว ให้ลดลงตามยอดเงินเข้า แล้วสุดท้าย มันก็อยู่ได้และชินไปเอง เงินที่ไม่เห็น (ไม่เข้ามาในบัญชี) เราจะไม่ได้ใช้ ลืม ๆ ไป

3. เงินเพื่อความมั่งคั่ง
เงินก้อนนี้จะช่วยเพิ่มอิสรภาพในการใช้ชีวิต ถ้าเรามีเงินกินใช้พอเพียงตามแบบที่เราพอใจแล้วล่ะก็เราก็จะสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไรเวลาไหนก็ได้  ซึ่งแต่ละคนคาดหวังความมั่งคั่งที่ระดับต่างกัน เงินก้อนนี้สำหรับเราคิดว่าจะค่อย ๆ สร้างห่านทองคำ(เงินลงทุนก้อนใหญ่) ขึ้นมาให้ได้ก่อนซึ่งต้องอาศัยเวลาระยะยาว แล้วค่อยเก็บไข่ทองคำ(ผลตอบแทนที่ได้จากเงินก้อนใหญ่) กินทีหลัง โดยไม่ไปแตะต้องห่านทองคำเลย(เก็บสะสมไปเรื่อย ๆ โดยไม่ดึงออกมาใช้) ปล่อยให้มันทำงานของมันไป
เราจะสร้างห่านทองคำ เป็นพอร์ตหุ้นเน้นลงทุนระยะยาว ตอนนี้เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน ใช้เงินไม่มาก 2หมื่นปลาย ๆ (นี่ก็มาจากการเก็บเล็กเก็บน้อยรายได้ยิบย่อย 6 เดือน) แต่ก่อนจะเปิดพอร์ตหุ้นจริง ๆ เราลงทุนเวลา ศึกษาด้วยตัวเองประมาณ 2ปีกว่า ๆ จนตอนนี้คิดว่าต้องลงมือทำจริงแล้ว คิดเองเลือกหุ้นรายตัวเอง วางแผนเองว่าจะขายเมื่อขาดทุนที่เท่าไหร่ จะซื้อหุ้นตัวไหนที่ราคาเท่าไหร่ มีเป้าหมายการลงทุนและหลักเกณฑ์การซื้อขายของตัวเองชัดเจน ไม่เล่นแบบเก็งกำไร

กว่าจะมีแนวทางการเงินการลงทุนอย่างทุกวันนี้ เราอยากขอบคุณและแบ่งปันช่องทางความรู้ต่าง ๆ เผื่อใครสนใจลองลงทุนเวลา เข้าไปเรียนรู้ดูค่ะ นิสัยและวินัยที่ดีไม่ได้สร้างภายในเดือนเดียว มันสร้างจากการตัดสินใจ ลงมือทำและเรียนรู้ แล้วก็ตัดสินใจ ลงมือทำและเรียนรู้อีกครั้ง วนไป...เรื่อย ๆ ทุก ๆ วัน



รายการหนังสือ
พ.ค. 2560 (เวลาที่ซื้อหนังสือมาอ่าน)
- ออมในหุ้น ผู้เขียน ภาววิทย์ กลิ่นประทุม สำนักพิมพ์ Stock2morrow
- มือใหม่เริ่มลงทุนในหุ้น ผู้เขียน Tactshool สำนักพิมพ์ พราว
พ.ย. 2560
- ตำราก่อนลาออก ผู้เขียน พูม ชินโชติกร สำนักพิมพ์ You2morrow
เม.ย. 2561
- วิธีคิด วิธีรวย หมาน้อย สอนรวย แปลจากภาษาเยอรมัน (อันนี้ดีมาก) ผู้เขียน โบโด เชฟเฟอร์ ผู้แปล เจนจิรา เสรีโยธิน สำนักพิมพ์ BE MEDIA Self Development
- วิธีสร้างอิสรภาพทางการเงิน มีเงินล้านใน 7 ปี ผู้เขียน โบโด เชฟเฟอร์ ผู้แปล เจนจิรา เสรีโยธิน สำนักพิมพ์ BE MEDIA Self Development
มิ.ย. 2561
- The Jitta WAY วิถีจิตตะเพื่อการลงทุนเน้นคุณค่า ผู้เขียน ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ อำนวยการผลิต ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เว็บไซต์
- www.set.or.th ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- www.settrade.com
- www.jitta.com (โดยเฉพาะ Menu > Library > Jitta Classroom > 9 บทเรียนออนไลน์ฟรี อันนี้ดีมาก)

เพจ
- Paual Pattarapon
- ลงทุนแมน
- ไปให้ถึง 100 ล้าน
- Vitamin หุ้น
- Stock tomorrow
- นิ้วโป้ง Fundamental VI
- rich-habits นิสัยรวยสร้างได้
- บัณฑิต อึ้งรังสี
- ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่

Podcast
- The Standard, The Money Case, The Secret Sauce, Super productive
- Mission to the moon

Line
- Line today money

YouTube
- Money Matters by Paul Pattarapon
- The Money Coach
- Kim Property
- Alux.com
- Blue O'clock
- A-Academy Channel
- คุยการเงินกับที
- Human&Tech by May

เงินเป็นเพียงตัวกลางที่บอกถึงคุณค่าและประโยชน์ที่เจ้าของเงินสร้างให้ผู้อื่นได้
เงินจะช่วยขยายตัวตนของเจ้าของเงินให้ชัดเจนขึ้น
เงินจะอยู่กับคนที่เห็นคุณค่าและดูแลมันได้เป็นอย่างดี










10 บทเรียนที่ฉันรู้...เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน

เนื่องจากเป็นการกลั่นกรองจากประสบการณ์ส่วนตัวรวมทั้งการสังเกตชีวิตผู้คนรอบข้าง
อาจเป็นบทเรียนที่ฉันรู้และเข้าใจอยู่เพียงคนเดียว ลองพิจารณาตามดูแล้วกันค่ะ
ไม่แน่ว่าบางประโยคอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่เคยเจอประสบการณ์ อย่างที่ฉันได้ผ่านมันมาแล้ว



1. อยากใช้ชีวิตปกติสุข ให้รักษาศีล 5
เพราะศีล 5 คือ การปิดโอกาสที่จะไปเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใด ๆ ด้วยคำพูดและการกระทำ
เราจึงใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ไปไหนไม่ต้องกลัวอันตรายจากสิ่งใด

2. อยากมีสติ ปัญญา ให้ฝึกรู้ทัน ความคิด อารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง
เพราะเมื่อเรารู้ทันหรือเห็นกิเลสตัวเองเมื่อใด เมื่อนั้นสติ(จิตกุศล)จะเกิดขึ้น และกิเลส(จิตอกุศล)จะดับไป เฝ้าสังเกตดูไปเรื่อย ๆ โกรธปุ๊บ รู้ทันปั๊บ สติเกิด เฝ้าตามไปว่าโกรธได้ถึงเมื่อไหร่ สักพักพอดับ ก็จะเห็น ถ้าทุกครั้งที่เรารู้ทันความคิดและอารมณ์ของตัวเอง เราจะอยู่กับตัวเองและไม่พัฒนาต่อยอดความคิดอารมณ์ไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น จนพูดหรือทำร้ายคนอื่นไป เราจะมีเวลาระยะนึงให้พายุในใจสงบลง

3. อยากใช้ชีวิตแบบมั่นคงปลอดภัย ให้พึ่งตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะทุกคนรักตัวเอง ดังนั้นการรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือความมั่นคงที่สุด
การฝากความหวังไว้กับสิ่งอื่น ๆ ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นคนอื่น สถานการณ์อื่น ทำให้เราเป็นเหยื่อของคน/สถานการณ์นั้น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ผิดหวัง เสียใจ กล่าวโทษสิ่งเหล่านั้น แทนที่จะทบทวนตัวเอง
ลงมือแก้ไขด้วยตัวเอง ชีวิตจึงไม่ก้าวไปไหนเพราะไม่เคยสร้างชีวิตได้ด้วยตัวเอง

4. อยากมีความสุข รู้สึกมีความสุขได้ทันทีเลย ไม่ต้องรอ
เพราะทุกวันที่ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างที่เราเคยทำ นั่นคือความสุขพื้นฐาน ที่ชีวิตมอบให้เราแล้ว
เดินได้ กินข้าวได้ ไม่เป็นโรคร้ายอะไร มีงาน มีเงิน มีบ้านให้กลับ มีครอบครัว มีญาติ มีเพื่อน เท่าที่เคยมีนั่นน่ะ คือความสุขแบบปกติ ที่เราควรจะขอบคุณในทุก ๆ วัน รู้สึกสุขได้ ง่าย ๆ เดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องรอ...

5. อยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ให้รู้จักคุณค่าของ "เวลา"
เพราะสิ่งสำคัญของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเวลาที่ใช้ไปกับสิ่งสำคัญต่าง ๆ จึงต่างกัน
ตามคุณค่า ความหมายที่เรานิยามชีวิตเราไว้ บางคนให้ค่ากับสิ่งบันเทิง ก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการท่องเที่ยว บางคนให้ค่ากับเงิน แน่นอนเขาทุ่มเวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาเงิน
บางคนให้ค่ากับงานที่รัก เขาก็มุ่งมั่นให้งานนั้นสำเร็จตามเป้าหมาย บางคนให้ค่ากับสิ่งสำคัญอย่างสมดุล ดังนั้นเขาก็ต้องจัดการเวลา สำหรับสุขภาพ ครอบครัว การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ให้ได้อย่างลงตัวที่สุด ทุกวันนี้ควรสำรวจตัวเองว่า ให้ค่ากับสิ่งที่ใช่ ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน สอดคล้องกันหรือเปล่า




6. อยากอยู่กับโลกนี้ง่ายๆ ให้ยอมรับ "ความจริง"
สถานการณ์ไม่ว่าจะดี/ร้ายกับเรา อะไรเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับ มันให้ได้ นั่นผ่านไปแล้ว
วันนี้ถ้าเราเริ่มจาก ยอมรับได้ ใจเราจะเปิดกว้าง ตาเราจะมองเห็น สมองจะเริ่มเปิดรับข้อมูลใหม่    ประมวลผล แล้วหาทางเดินต่อไป ก็แค่นั้น..ทุกการหยุดครั้งสำคัญในชีวิต ให้เริ่มคิดใหม่ แล้วเดินต่อ...

7. คนอื่นจะดีจะชั่วยังไงไม่ต้องสนใจ ให้โฟกัสที่ตัวเองว่าเป็นยังไง แค่นี้พอแล้ว
เพราะทุกคนล้วนมีมุมมืดและมุมสว่าง เปล่งแสงรวมเป็นเฉดเทา ๆ เหมือนกัน อยู่ที่เข้ม/จาง แค่ไหน
การใช้เวลาของตัวเองซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากและจำกัด ไปสนใจคำพูด/การกระทำของคนอื่น
นั่นเป็นสิ่งสูญเปล่า ไม่สู้นำเวลามาโฟกัสความคิด คำพูด การกระทำของตัวเอง ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรจะดีกว่า เรื่องของตัวเองหากรู้ทัน เห็นแล้วมันแก้ไขพัฒนาปรับปรุงได้
แต่เรื่องคนอื่นนั้น เสียเวลาเปล่า!

8. คนที่เราคิดว่าเป็นคนดีจะดีตลอดไป คนที่เราคิดว่าเป็นคนเลวจะเลวตลอดไป นั่นไม่จริง...
เพราะสิ่งที่ควบคุมและเข้าใจได้ยากที่สุด ก็คือ คน รวมทั้งตัวเราเองก็ด้วย
เมื่อผ่านเวลา สถานการณ์ต่าง ๆ เราจะเห็นได้ว่า ทุกคนล้วนเปลี่ยนแปลงได้ ในทางที่ดีขึ้นและแย่ลง
นั่นขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งในจิตใจของคน ๆ นั้น ต่อการจัดการกับความโลภ ความโกรธ ความหลงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา ณ เวลานั้น เราจึงไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใคร ว่าเป็นคนดี/คนเลว ทุกสิ่งล้วนมีเหตุปัจจัย มีที่มาที่ไปของคน ๆ นั้น ซึ่งเราไม่มีทางรู้และเข้าใจมันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเราไม่ใช่เขา

9. ไม่มีใครหนี้พ้น ผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเอง
เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เราคิดและทำในอดีต อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น
คาดเดาได้จากสิ่งที่เขาคิดและทำในวันนี้

10. บุคคลใดขาดการจัดการด้านการเงินที่ถูกต้อง ชีวิตด้านอื่นของเขาจะพังไปด้วย
การเงินเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิต การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการหาเงิน ใช้เงิน เก็บเงิน ลงทุนต่อยอดเงิน เป็นวินัยพื้นฐานสำคัญของคนในปัจจุบัน ถ้าขาดวินัยด้านนี้แล้วย่อมส่งผลให้คุณภาพชีวิต ด้านอื่่น ๆ แย่ไปด้วย

การใช้ชีวิตที่ผ่านมา ทำให้ฉันรู้จักตัวเองว่า มีจุดอ่อนก็เยอะ มีจุดแข็งก็แยะ จะทักษะอะไรก็ตาม
ทักษะที่สำคัญมากในการใช้ชีวิต คือ "การคัดสรร" เลือกเก็บคน/ประสบการณ์ดี ๆ  เลือกตัดคน/ประสบการณ์แย่ ๆ เลือกลงมือทำในสิ่งที่มีประโยชน์ในระยะยาว เลือกลดละเลิกสิ่งที่เป็นโทษต่อชีวิต
แค่ทักษะนี้อย่างเดียว ถ้าทำได้ดี เราก็จะมีชีวิตที่ราบรื่่น มีความสุขได้มากพอแล้ว...