ชีวิตเรา เราออกแบบได้

เปลี่ยนวาสนาด้วยวาจาประกาศิต Cr. Prair Chatnarongdej


ต่อจากบทความก่อนหน้านี้ ที่บอกไปถึงเรื่องของการเปลี่ยนวาสนาด้วยการเปลี่ยนนิสัยตามส่ง
ในบทความนี้จะอธิบายพร้อมยกตัวอย่างในเรื่องการนำ "กฎและเทคนิค" ที่จะช่วยเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิของเราให้ดีขึ้น กลายเป็น "คนมีวาสนาดี" ในแบบที่เราต้องการ


เปลี่ยนวาสนาด้วยวาจาประกาศิต

1. เทคนิค "การฝึก"

ทุกสิ่งที่เป็นเราในวันนี้ล้วนมาจากการฝึก ฝึกคลาน ฝึกพูด ฝึกเดิน ฝึกวิ่ง...ขับรถ...ฝึกๆๆๆ
เมื่อเราฝึกสิ่งไหน เราก็เชี่ยวชาญสิ่งนั้น 
ถ้าเราฝึกในสิ่งที่ดี ในวาสนาที่เราอยากเป็นอยากมี เราก็จะเชี่ยวชาญสิ่งนั้น
หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ (Thich Nhat Hanh พระภิกษุชาวเวียดนาม ผู้นำเสนอความคิด พุทธศาสนาต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน) 
กล่าวว่า "เรามีพฤติกรรมในการให้ความรักได้ โดยการแสดงความเอาใจใส่"
ดังนั้นตัวอย่างสิ่งที่เราควรฝึก :
ฝึกมีความสุข ฝึกมีความรักที่ดี ฝึกหาเงิน ฝึกภาษาที่สอง ฝึกทักษะขายของ
ฝึกอ่านหนังสือเพื่ออัพเกรดตัวเองเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ฝึกหา/จับ idea ใหม่ๆ แล้วลงมือทำทันที ...

2. สิ่งที่ "ควรรู้"

-  อะไรที่เราทำซ้ำ ๆ เป็น pattern 1 เรื่อง จะขยายไปสู่เรื่องอื่น ๆ ในชีวิตด้วย
   เช่น ชอบกินจุกจิกก็จะซื้อของจุกจิกด้วย
-  พ่อแม่เราเก่งกว่าเรามากที่เลี้ยงเรามาได้เจ๋งขนาดนี้
   บางคนอาจไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยแล้วและเคยทำผิดพลาดกับท่าน
   ขอให้รู้ไว้ว่าความรักของท่านอยู่กับเราเสมอ เนื้อกายเราเลือดเรามีของท่านอยู่ด้วย
   เพราะฉะนั้นปฏิญาณกับตัวเองว่า "เราจะไม่สร้างกรรมเพิ่มขึ้นมาอีก"
   อดีตผิดพลาดผ่านไปแล้ว เราแก้ไขไม่ได้ แต่วันนี้เราแก้ไขได้ ทำมันให้ดีได้
   เราทำชีวิตตัวเองให้ดี (พ่อแม่อยู่ในตัวเรา) เป็นการตอบแทนพ่อแม่แล้ว
-  คนที่มีความสุข เขาจะไม่ทำร้ายใคร
   ใครทำร้ายเรา เพราะเขาเจ็บ ถ้าเขาไม่เจ็บเขาไม่ทำร้ายเรา
   เขาเจ็บปวดอะไรบางอย่าง เพราะเราอาจไปพูดเฉือนใจเขาโดยไม่รู้ตัว
   เราปรี๊ดแตก เพราะเรารู้สึกเจ็บ โกรธ โมโห เราจึงด่าใครออกไป
   ถ้าเราเข้าใจแล้ว ใครมาด่าเราก็เพราะว่าเขาเจ็บ เราควรรู้สึกเห็นใจเขา
   ความรักช่วยเปลี่ยนความโกรธ อารมณ์โมโหได้
-  อะไรที่เราป้อนให้ชีวิต เราจะเป็นสิ่งนั้น
-  เมื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ เน้น "ความถี่" มากกว่า "ความนาน"
   นั่นคือฝึกทำวันละนิด วันละชั่วโมงสองชั่วโมงแต่ขอให้ทำทุกวัน สม่ำเสมอ
   ไม่ใช่ทำวันละ 6-7 ชั่วโมงเพียงไม่กี่วันแล้วก็เลิก
-  เราทำความดี เพราะเป็นเนื้อแท้ของเรา เพราะทำดีตามพ่อหลวงร.9 หรือครูบาอาจารย์...
   เราทำสิ่งที่ควรทำเต็มที่ 100% แต่ให้ปล่อยวางในผลลัพธ์
-  ในเรื่องความสัมพันธ์ "เราอยากได้อะไรจากเขา เราก็ทำแบบนั้น" เป็นความเชื่อที่ผิด
   มันจะทำให้ความสัมพันธ์พัง เพราะสิ่งที่เราอยากได้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้
   คนเราต่างครอบครัว ต่างความคิด ต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม
   "เราต้องปฏิบัติ/ดูแลคนที่เรารัก ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ในแบบที่เขาอยากได้/ต้องการ
   ไม่ใช่ในแบบที่เราต้องการ"
   เช่น เป็นแฟนกัน ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายใส่ใจเลยใส่ใจแฟน แต่แฟน(ผู้ชาย)อยากให้เข้าใจ
   ใครมีลูกก็บังคับลูกให้เรียน/เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นตอนเด็ก ไม่ได้สนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ
   คู่ชีวิตมีความสุขกับการอยู่บ้าน ไม่ได้อยากไปเที่ยว ก็ไม่ต้องลากเขาไป
   ถามเขาก่อนว่าเขาชอบ/อยากไปมั้ย
-  ความกลัว เมื่อไหร่รู้สึกกลัว ลงมือทำเลยทั้ง ๆ ที่กลัวนั่นแหละ
   แล้วความกลัวจะหายไป มันหายไปหาคนอื่นที่มันหลอกได้

3. เราต้อง "รู้สึกถึงการเป็น"
   
  มี 3 step คือ be do have เป็น ทำ มี
  ขั้นแรก "เป็น" สำคัญมาก คือ เราต้องศรัทธาในตัวเอง ในความดีของตัวเอง
  รู้สึกถึงความมั่งคั่งในจิตใจ รู้สึกว่าตัวเองเก่ง รวย สวย/หล่อ รู้สึกเป็นที่รัก
  เราต้องรู้สึก "เราเป็น เรามี" พูดในใจ พูดออกมาก็ได้ แต่ถ้าพูดแล้วยังไม่รู้สึก
  ก็ต้องฝึกๆๆๆๆ ย้อนไปที่ข้อ 1 เทคนิคการฝึก ทำไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกถึงการเป็นจริง ๆ จากภายใน
  ขั้นที่สอง "ทำ" คือ ลงมือทำ วาสนาจะเปลี่ยนทันทีเมื่อลงมือทำ เน้นสม่ำเสมอทุกวันจนเป็นนิสัย
  ขั้นที่สาม "มี" รู้สึกๆๆ ถึงการมี ทำๆๆ สม่ำเสมอ แล้วสิ่งที่เรารู้สึกจะเกิดขึ้นจริงเหมือนปาฎิหาริย์
  ถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นได้ก่อน สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

4. กฎแห่งการอนุญาต (กฎไร้แรงต้าน)
  
  คือการอนุญาตตัวเองให้เปลี่ยนวาสนาได้ อนุญาตให้สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต อนุญาตให้มีความสุข
  มีอิสระทางความคิด เริ่มต้นชีวิตใหม่ ต้องรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นเสมือนเกิดขึ้นกับตัวเอง
  2 คำ ที่ควรพูดทุกวัน คือ "ขอบคุณ" และ "บอกรัก"
  ตื่นขึ้นมาทุกเช้า ขอบคุณร่างกาย โลกที่ให้เวลาชีวิตมาอีก 24 ชั่วโมง อยากทำอะไร ทำ...
  บอกรักร่างกาย คน/สิ่งรอบตัว ธรรมชาติ
  ทำตัวปล่อย Flow เหมือนสายน้ำ/ขนนก ไหลไป/ปลิวไป ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ให้โอบรับมัน
  เพราะเราเชื่อมันอยู่แล้วว่า "ชั้นเห็นโลกอนาคตของชั้น ในแง่ดีเสมอ" ตอนนี้เจออะไรก็ช่างปล่อย Flow
  ถามใจตัวเอง ตอนนี้เรากำลังต้านอะไรไม่ให้เข้ามาในชีวิตเราอยู่หรือเปล่า...ความรัก ความรวย
  ความก้าวหน้า

5. เทคนิคนางฟ้า/เทวดา (กฎการวิจารณ์)

  เวลาเราจะวิจารณ์ใคร ให้พูดถึงเฉพาะในแง่ดีของเขาเท่านั้น ไม่วิจารณ์ในด้านที่ไม่ดี
  หากจำเป็นก็พูดถึงได้แต่ไม่ตัดสินเขาไม่ใส่อารมณ์ ฟังขำ ๆ ได้ แต่ถ้านินทาเป็นเรื่องเป็นราวไม่เอา
  เมื่อเราเผลอวิจารณ์ใคร เราจะเป็นแบบนั้น เพราะเมื่อเราไม่ชอบพฤติกรรมอะไรบางอย่างของพ่อแม่
  คนอื่น เราจะโฟกัสสิ่งนั้น แล้วสุดท้ายเราจะเป็นเอง

 6. เทคนิคการแยกตัวตน

-  สิ่งที่เขาทำกับเราเป็น "พฤติกรรม" ที่เป็นนิสัยตามส่งเขา แต่ไม่ใช่ "ตัวตน" ของเขา
   จิตใจเขาประภัสสร แต่นิสัยตามส่งเขาไม่ดี (พฤติกรรมที่เขาทำซ้ำ ๆ)
-  ชั้นไม่ใช่พฤติกรรมด้านลบของชั้น แยกตัวตนออกมา
   เทคนิคนี้ใช้คู่กับเทคนิคนางฟ้า/เทวดา เพราะในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
   เราอาจเผลอเม้า วิจารณ์คนอื่นไปบ้าง เราก็แยกพฤติกรรมแย่ ๆ ของเรา ออกจากตัวตนของเรา
   ให้เข้าใจว่าเขากับเราไม่ต่างกัน มีพฤติกรรมแย่ ๆ เหมือนกันที่อยากจะเอาออกจากชีวิต

7. ฝึกการตระหนักรู้ (self awareness)

 เพื่อตื่นรู้ โดยวิธีการฝึกสติ นั่งสมาธิ อยู่กับตัวเองเห็นความคิด การกระทำของตัวเอง
 มีนิทานเรื่องนึงช่วยอธิบายความจำเป็นของการตื่นรู้ไว้ได้ดี

 " แมงป่องไปเที่ยวในป่า เข้าไปได้วันนึงที่บ้านโทรมาบอกว่าแม่เข้าโรงพยาบาล ไม่สบายหนักให้รีบกลับ แต่วันนั้นในป่ามีฝนตกหนักมาก แมงป่องก็รีบเดินทางกลับ แต่มีน้ำป่าไหลมาเต็มลำธารเพราะฝนที่ตกหนักก่อนหน้า แมงป่องไม่สามารถผ่านไปได้ ทันใดนั้นก็เห็นอึ่งอ่างอยู่ไม่ไกล เลยเข้าไปขอความช่วยเหลือให้อึ่งอ่างช่วยพาข้ามแม่น้ำไป ชั้นรีบแม่ชั้นไม่สบาย ต้องข้ามแม่น้ำนี้ไปหาท่าน ขอขี่หลังเธอหน่อยนะ ชั้นรีบจริงๆ อึ่งอ่างรีบปฏิเสธทันทีเลยเพราะกลัวว่าถ้าให้แมงป่องขี่หลังแล้ว ล่องผ่านแม่น้ำไป แมงป่องอาจจะใช้ก้ามที่มีพิษแทงหลังมันก็ได้ แมงป่องรีบบอกว่า ชั้นสัญญาว่าชั้นจะไม่ทำร้ายเธอเด็ดขาด ได้โปรดช่วยชั้นเถอะ อึ่งอ่างก็ถามกลับอีกครั้งว่า สัญญาแน่นะว่าจะไม่ทำร้ายชั้น ชั้นสัญญาแมงป่องตอบอย่างหนักแน่น เมื่อนั้นอึ่งอ่างก็ให้แมงป่องขี่หลังข้ามแม่น้ำไป เมื่อข้ามมาได้ครึ่งทาง แมงป่องก็ใช้ก้ามของมันแทงเข้าที่หลังของอึ่งอ่าง โอ๊ยอึ่งอ่างร้องด้วยความเจ็บ เธอทำชั้นทำไมก็สัญญากันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าจะไม่ทำร้ายชั้น เธอทำอย่างนี้เราจะจมน้ำตายกันทั้งคู่นะ ชั้นขอโทษ แมงป่องพูด ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชั้นทำทำไม ชั้นขอโทษ...สุดท้ายอึ่งอ่างและแมงป่องก็จมน้ำตายทั้งคู่"

ในชีวิตจริง บางครั้งเราก็ทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว(เหมือนแมงป่อง) บางครั้งไม่ได้ทำร้ายคนอื่นอย่างเดียวยังทำร้ายตัวเองด้วย เราทำทำไม...เราไม่รู้ (มันเป็นสัญชาติญาณ) เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากำลังจะยกก้ามไปแทงใคร(ด่า ว่าหรือทำร้ายใคร) "ให้รู้ทัน" ก่อนที่จะฝังก้ามลงไปที่เขา "หยุดให้ทัน" จะได้ไม่ทำร้ายใคร เครื่องมือที่จะช่วยหยุดมันได้ คือ การตื่นรู้ การมีสติ มีสมาธิ นั่นเอง ถ้าเราฝึกบ่อย ๆ เราจะมีพลังมาก
สามารถหยุดได้ทันก่อนที่จะไปทำร้ายใคร

8. ทุกความไม่พอใจที่เป็นผลลัพธ์อยู่ทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วเราอยากได้มัน
(มันจะยากนิดนะ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเข้าใจมันจะดีมาก)

เพราะถ้าเราไม่อยากได้มันจริง ๆ เราจะเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนนิสัย
โดยมากเราไม่รู้ตัวว่าเรามีพฤติกรรมลบบางอย่าง ถ้าเราไม่อยากเป็น เราจะทำมันมั้ย?
ที่เรายอมรับผลลัพธ์แย่ ๆ นั้นอยู่ เพราะแท้จริงแล้วเราได้ ประโยชน์เชิงแฝง จากมัน
หามันให้เจอ ประโยชน์เชิงแฝง/สิ่งที่คุณต้องการ ถ้าเจอเมื่อไหร่คุณจะเข้าใจว่า คุณทำมันทำไม
แล้วคุณจะหลุดจากผลลัพธ์แย่ ๆ นั้น ด้วยการใช้พฤติกรรมเชิงบวกเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการแท้จริง
เช่น เรายอมอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี เพราะเราได้ประโยชน์เชิงแฝงบางอย่าง (คำบอกรักของเขา)
เด็กเรียนดีที่บ้านรวย พ่อไม่ค่อยกลับบ้านเพราะทำงานหนัก จึงไปขโมยจักรยานคนอื่นทั้ง ๆที่ของตัวเองก็มีหลายคัน ตำรวจโทรมาบอกแม่ แม่รู้ก็ตกใจจึงโทรเรียกพ่อให้มาจัดการ พ่อก็กลับบ้าน (ประโยชน์เชิงแฝง) เด็กเรียนรู้ว่าทำพฤติกรรมดี ๆ ตั้งใจเรียน พ่อไม่สนใจไง
การทำร้ายตัวเอง เพื่อให้ใครบางคนหันกลับมาสนใจเรา(ประโยชน์เชิงแฝง)

บางคนเสพติดกับการทำให้ชีวิตตัวเองพัง ใช้เงินเกินตัว หรือได้สิ่งดี ๆ มาแล้ว ทำให้หายไป
ถ้าเรายังทำพฤติกรรมแย่ ๆ อยู่ เราทำเพื่ออะไร ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่เราก็ทำเพราะอยากได้บางอย่าง(ประโยชน์เชิงแฝง) หาให้เจอว่ามันคืออะไร ถ้าเจอแล้วว่าต้องการอะไร เราจะได้เปลี่ยนไปทำพฤติกรรมดีที่ช่วยให้เกิดสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ

9. เปลี่ยนวาสนาด้วยวาจาประกาศิต

คือการสื่อสารกับตัวเองในด้านที่ดีทุกวัน สื่อสารพร้อมใส่อารมณ์บวก
คุณต้องเข้าใจและทำข้อ 1 - 8 ด้านบนมาก่อน วาจาของคุณถึงจะเป็นวาจาประกาศิต
เช่น ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมด่าว่าคนอื่นอยู่ แล้วคุณกลับมาสื่อสารกับตัวเองว่า "ชั้นมีวาสนาดี"
คุณว่าวาจาของคุณจะเป็นวาจาประกาศิตมั้ย
หรือคุณไม่เคยลงทุนเวลาเพื่อฝึกสิ่งดี ๆ อะไรให้กับชีวิตเลย แล้วคุณพูดกับตัวเองว่า
ชั้นเก่ง ชั้นมีสมองเงินล้าน คุณว่าคุณจะรู้สึกอินกับมันมั้ย... get เนอะ!!!

เป็นบทความที่ใช้พลังงานในการเรียบเรียงสูงมาก!!!
เพราะเราเชื่อมั่นว่า ถ้าใครเข้าใจแล้วทำทันที คนนั้นจะมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นในชีวิตมากมายเลย
(เพราะเราได้เริ่มทำมันบ้างแล้ว ไม่น่าเชื่อนะ มันเริ่มเกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นในชีวิตเราจริง ๆ)

สุดท้ายฝากประโยควาจาประกาศิต เพื่อไปใช้สื่อสารกับตัวเองทุกวันค่ะ

ชั้นมีสมองเงินล้าน /เงินร้อยล้าน/เงินพันล้าน

ชั้นหาเงินง่าย (เศรษฐกิจเป็นไงไม่รู้ ไม่สน ก็เราหาเงินง่ายอ่ะ)

ชั้นเป็นคนโชคดี เป็นเทพีแห่งโชค

ชั้นเห็นโลกอนาคตของชั้น ในแง่ดีเสมอ

ชั้นมีวาสนาดี

ชั้นเป็นที่รัก เป็นคนเก่ง เป็นคนสวย/หล่อ

ขณะที่พูดให้รู้สึกถึงการเป็นการมี ใส่อารมณ์บวก 

เราอาจเขียนวาสนาของเราเอง เอาตามแบบที่ชอบเลย

เอาผลลัพธ์ (วาสนา) เป็นตัวตั้ง และทางเดียวที่มีคือ "สำเร็จ" 

ทางอื่นไม่เอา (พูดและรู้สึกถึงพลังของตัวเอง) 








2 ความคิดเห็น:

  1. ดีจังสรุปมาแบบนี้ ต้องรีบไปฝึกแบบบไร้แรงต้านแล้วล่ะ...
    -ฉันเป็นคนโชคดีเสมอ
    -ฉันเป็นคนทำอะไรก็สำเร็จ ได้เงิน ได้การยอมรับง่ายมากกก

    ตอบลบ